Page 32 - kpiebook62004
P. 32

บทบาทนานาชาติต่อกระบวนการสร้างสันติภาพในชายแดนใต้ของไทยและบางมุมมองต่อภาพอนาคต






                   สันติภำพ ไม่มีรูปแบบ ขั้นตอน หรือวิธีกำรที่เป็นมำตรฐำนตำยตัว กระบวนกำรสันติภำพที่เคยประสบ
                   ผลส ำเร็จในที่ใดอำจจะประสบควำมล้มเหลวเมื่อน ำไปใช้กับกรณีควำมขัดแย้งที่อื่น และไม่มีขั้นตอนที่เป็น

                   แบบแผน รวมทั้งเส้นทำงของกระบวนกำรสันติภำพก็ไม่มีสิ่งใดจะรับประกันได้ว่ำจะเดินหน้ำเป็นเส้นตรง
                   (Korppen, Ropers, & Giessmann, 2011) จนถึงวันยุติปัญหำ ตรงข้ำม กระบวนกำรสันติภำพอำจจะมี

                   เส้นทำงและรูปแบบที่หลำกหลำย ต้องอำศัยจินตนำกำรและกำรคิดอย่ำงเป็นระบบ และไม่อำจที่จะบังคับ

                   ควบคุมทิศทำงให้เดินไปเป็นเส้นตรงได้ ดังนั้น ผู้ที่ปรำรถนำจะใช้กระบวนกำรสันติภำพในกำรแปลง
                   เปลี่ยนแก้ไขปัญหำควำมขัดแย้ง (Conflict transformation) จึงต้องยอมรับควำมจริงประกำรนี้

                          ข้อเสนอที่น่ำสนใจเกี่ยวกับกระบวนกำรสร้ำงสันติภำพ (Peacebuilding) ที่น ำเสนอโดย John
                   Paul Lederach (1997) เป็นที่ยอมรับกันว่ำกำรมีคนกลำงที่ท ำหน้ำที่ในกำรอ ำนวยควำมสะดวกให้คู่

                   ขัดแย้งได้มีช่องทำงและโอกำสในกำรสื่อสำรพูดคุยกันนั้นมีส่วนอย่ำงส ำคัญที่จะเอื้อให้กระบวนกำรแก้ไข

                   ควำมขัดแย้งระหว่ำงคู่ปรปักษ์สำมำรถด ำเนินต่อไปได้จนบรรลุผลส ำเร็จอำจจะช่วยให้มองเห็นทิศทำงของ
                   กำรแปลงเปลี่ยนควำมขัดแย้งไปสู่สันติภำพได้บ้ำง ซึ่งแนวคิดเรื่องกำรใช้ฝ่ำยที่สำม (Third party) หรือคน

                   กลำง (Mediator) เข้ำมำเป็นตัวช่วยในกำรแปลงเปลี่ยนควำมขัดแย้งนั้นถือเป็นควำมคิดและแนวปฏิบัติที่

                   มีประโยชน์เป็นที่ยอมรับกันทั่วไป
                          นักกำรทูตคนส ำคัญของสวิสเซอร์แลนด์  Thomas Greminger หัวหน้ำแผนกกำรเมืองที่ 4

                   (ควำมมั่นคงของมนุษย์) กระทรวงกำรต่ำงประเทศสหพันธรัฐสวิสได้หยิบยกเอกสำรที่ผู้เชี่ยวชำญด้ำนกำร
                   ไกล่เกลี่ยควำมขัดแย้ง Mason & Siegfried เรื่อง Mediation & Facilitation in Today’s Peace

                   process: Centrality of Commitment, Coordination and Context (2007) ซึ่งน ำเสนอหลักกำร

                   และเหตุผลตลอดจนตัวอย่ำงปฏิบัติกำรส ำคัญที่แสดงถึงบทบำทควำมส ำคัญของกำรเป็นฝ่ำยที่สำม หรือ
                   กำรเป็นคนกลำงในกระบวนกำรแก้ไขปัญหำควำมขัดแย้งไว้ว่ำ ในยุคสมัยปัจจุบัน ควำมขัดแย้งมีควำม

                   สลับซับซ้อนยิ่งขึ้นและกำรแก้ไขปัญหำอย่ำงยั่งยืนผ่ำนกระบวนกำรสันติภำพนั้นก็ต้องใช้ฝ่ำยที่สำมหรือคน
                   ที่ท ำหน้ำที่เป็น “คนกลำง” ที่มีควำมเชี่ยวชำญมำกยิ่งขึ้น  และแน่นอนว่ำเมื่อปัญหำควำมขัดแย้งมีควำม

                   ซับซ้อนยิ่งขึ้น “เวลำ” ที่ต้องใช้ส ำหรับกำรสร้ำงสันติภำพก็ยำวนำนยิ่งขึ้น ไม่นับเพิ่มคุณสมบัติอีกประกำร

                   หนึ่งด้วยว่ำกำรท ำหน้ำที่เป็นฝ่ำยที่สำมในฐำนะคนกลำงในกำรไกล่เกลี่ยควำมขัดแย้ง (Conflict
                   mediation) ที่สลับซับซ้อนนั้นเรียกร้องกำรยินยอมพร้อมใจผูกพันเอำจริงเอำจังอย่ำงต่อเนื่อง กำรแก้ไข

                   ปัญหำควำมขัดแย้งผ่ำนกระบวนกำรสันติภำพนั้นเป็นแนวทำงที่ช่วยให้เกิดสันติภำพที่ยั่งยืนกว่ำ โดยเขำ

                   ยกตัวอย่ำงในทศวรรษที่ 1990 ว่ำในบรรดำควำมขัดแย้งด้ำนอำวุธทั้งหมดที่จบลงด้วยกระบวนกำรเจรจำ
                   มีมำกถึง 42 กรณี และครึ่งหนึ่งของควำมขัดแย้งเหล่ำนั้นส ำเร็จลงได้ก็เพรำะมีคนกลำงที่ทั้งสองฝ่ำยในคู่

                   ขัดแย้งให้กำรยอมรับท ำหน้ำที่เป็นฝ่ำยที่สำมในกำรไกล่เกลี่ยอ ำนวยควำมสะดวกในกำรพูดคุยเจรจำ

                   (Mason & Siegfried, 2007:1)





                                                             19
   27   28   29   30   31   32   33   34   35   36   37