Page 40 - kpiebook61002
P. 40

ยกระดับชีวิตชุมชนโดยใช้ปัญหาที*กระทบต่อสาธารณะมาทําให้ชุมชนได้ใช้กลุ่มทางสังคมในการดูแลปัญหาที*

               กระทบต่อความเป็นอยู่ของชุมชนเอง มีมุมมองในเชิงบวกต่อการแก้ไขปัญหา เป็นหนทางไปสู่ความยุติธรรม

               ทางสังคม (social  justice)  ขณะที*กระบวนการยุติธรรมทางอาญา (criminal  justice)  มียุทธศาสตร์ที*เน้นตัว
               บุคคลและมีมุมมองในเชิงลบ เพราะมีการแก้ปัญหาแบบตัวใครตัวมัน (Clear & other, 2011, pp. 6-7)

                      ยุติธรรมชุมชนเป็นการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมโดยใช้กระบวนการแก้ปัญหา (problem  solving

               process)  เมื*อเกิดอาชญากรรมขึ,น ยุติธรรมชุมชนจะแก้ไขปัญหาโดยการป้ องกันที*เน้นการแก้ที*สาเหตุโดย
               พิจารณาปัญหาเป็นหลัก และใช้กระบวนการแก้ไขปัญหาซึ*งเป็นการแก้ไขปัญหาเชิงรุก เน้นการป้ องกันปัญหา

               เมื*อใช้ปัญหาเป็นจุดศูนย์กลางแล้ว วิธีการแก้ไขปัญหาก็จะมีความยืดหยุ่น ไม่จํากันวิธีการหรือดําเนินการ

               ภายใต้หน่วยงานใดหน่วยงานหนึ*ง ในขณะที*กระบวนการยุติธรรมทางอาญาดําเนินการพิจารณาคดีโดยการ

               เผชิญหน้าแบบเป็นปรปักษ์ ซึ*งเป็นการต่อสู้ระหว่างผู้เสียหายหรือรัฐกับผู้กระทําความผิดโดยการดําเนินคดีที*
               มุ่งคดี (วันชัย รุจนวงศ์, =>>g, น. =B=-=BM)

                      สําหรับการจัดการกับปัญหาระหว่างยุติธรรมชุมชนและยุติธรรมเชิงสมานฉันท์นั,นมีความแตกต่างกัน

               อยู่บ้าง หากพิจารณาแล้วยุติธรรมชุมชนจะมีหลักการให้ชุมชนเข้ามามีส่วนร่วมในกระบวนการยุติธรรมเพื*อ
               จัดการปัญหาอาชญากรรมร่วมกัน ส่วนยุติธรรมเชิงสมาฉันท์จะเป็นการให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเกี*ยวข้องได้เข้า

               มาตัดสินใจ ในที*นี,ที*เน้นชัดเจนคือเหยื*อและผู้กระทําผิด ดังนั,น ยุติธรรมชุมชนที*จะประยุกต์เอาหลักการของ

               ยุติธรรมเชิงสมานฉันท์มาใช้คือต้องเปิดโอกาสให้เหยื*อและผู้กระทําผิดได้เข้ามามีส่วนร่วมในกระบวนการ
               พิจารณาลงโทษ ส่วนยุติธรรมเชิงสมานฉันท์ที*จะถือเป็นยุติธรรมชุมชนได้นั,นก็จะต้องมีผู้ส่วนได้ส่วนเสียที*ได้รับ

               ผลกระทบจากอาชญากรรมในวงกว้างระดับที*เป็นปัญหาของชุมชน (Lanni, 2005, pp. 376 - 377) นอกจากนี,

               ยุติธรรมสมานฉันท์เน้นการเยียวยาหรือฟื,นฟูหลังเกิดอาชญากรรม ส่วนยุติธรรมชุมชนเน้นไปถึงการป้ องกัน
               ด้วย (National Institute of Justice, BIIM; Robinson, BIIM quoted in Bazemore & Schiff, =ggB, pp. =B-

               ==)

                      ยุติธรรมสมานฉันท์จะเน้นให้ผู้มีส่วนเกี*ยวข้องเข้ามาอยู่ในกระบวนการตัดสินใจ และการตัดสินคดีมี

               ความประนีประนอมมากกว่าใช้วิธีการลงโทษแบบยุติธรรมทางอาญา ทั,งนี, อาจเป็นเพราะผู้มีส่วนเกี*ยวข้องได้
               เข้ามาร่วมในการพิจารณาบทลงโทษ ดังกรณีในปี BIIM ในประเทศอเมริกา มีการสํารวจแห่งชาติ พบว่า

               ประชาชนมีมุมมองต่อแนวทางการชดใช้ค่าเสียหายจากการก่ออาชญากรรมว่าเป็นวิธีที*มีประสิทธิภาพมากกว่า

               แสดงให้เห็นการเลือกของประชาชนต่อการลงโทษให้เข้าคุกกับไม่ต้องเข้าคุกแต่หันมาใช้วิธีการลงโทษแบบ
               ทางเลือกตามแนวทางยุติธรรมสมานฉันท์ ได้แก่ การบําบัดยาเสพติด การซ่อมแซมและบริการชุมชน

               การติดตามประเมินพฤติกรรมผู้กระทําผิด เป็นต้น พบว่า ประชาชนพึงพอใจวิธีการลงโทษแบบทางเลือก




                                                            31
   35   36   37   38   39   40   41   42   43   44   45