Page 13 - kpiebook61002
P. 13

สปป.ลาวเป็นหนึ งในประเทศเพื อนบ้านที ใกล้ชิดและมีดินแดนติดต่อกับประเทศไทย มีวัฒนธรรม

               ความเชื อ ประเพณีที คล้ายคลึงกัน อีกทั7งมีข้อค้นพบบางประการที ทําให้เห็นว่าสปป.ลาวก็มีการขับเคลื อน

               ระบบยุติธรรมชุมชนเช่นกัน ซึ งส่วนใหญ่เป็นบทบาทของยุติธรรมชุมชนในการจัดการความขัดแย้งแบบ
               สมานฉันท์ โดยมีการมอบหมายให้คณะกรรมการหมู่บ้านทําหน้าที ในการไกล่เกลี ยข้อพิพาทที เกิดขึ7นใน

               หมู่บ้านเพื อระงับไปโดยไม่ต้องพึ งพาอาศัยหน่วยงานอื นๆ โดยมีวัตถุประสงค์เพื อไม่ให้คดีพิพาทเล็กน้อยที

               สามารถยอมความกันได้ขึ7นสู่ชั7นศาล คณะกรรมการประนีประนอมข้อพิพาทนอกจากจะมีผู้ใหญ่บ้านเป็น
               คณะกรรมการแล้ว ยังประกอบไปด้วย ผู้ทรงคุณวุฒิสหพันธ์สตรี เมื อข้อพิพาทเกี ยวข้องกับสตรี ตัวแทนชาว

               หนุ่ม เมื อมีเยาวชนเข้ามาเกี ยวข้อง ซึ งจะทําหน้าที เป็นคนกลางให้คําปรึกษาและโน้มน้าวให้คู่กรณีตกลง

               ประนีประนอม จากนั7นจะมีการทําสัญญาพร้อมลงลายมือชื อไว้เพื อเป็นหลักฐานและให้คู่กรณีปฏิบัติตาม

               (จุฑารัตน์ เอื7ออํานวย, สุทธิ สุขยิ ง และ มูฮัมหมัดรอฟีอี มูซอ, >?@U, น. @Q)
                      โครงสร้างของหน่วยไกล่เกลี ยมีความสอดคล้องกับแนวคิดยุติธรรมชุมชนและยุติธรรมเชิงสมานฉันท์ที

               มุ่งเน้นการมีส่วนร่วมของชุมชน โดยบุคคลที เข้ามาไกล่เกลี ยมาจากหลายภาคส่วนในชุมชนซึ งล้วนเป็นบุคคลที

               มีความใกล้ชิดและเข้าใจถึงลักษณะความขัดแย้งที เกิดขึ7นภายในหมู่บ้านของตนเป็นอย่างดี เช่น ชาวหนุ่ม
               ประชาชนปฏิวัติลาวขั7นบ้าน ซึ งประกอบด้วยหัวหน้าชาวหนุ่มที สมาชิกให้ความเคารพนับถือ และมีหน้าที อบรม

               ตักเตือนให้สมาชิกของตนเคารพต่อจารีตประเพณีและระเบียบของบ้านเมือง ซึ งเป็นบุคคลที มีความเหมาะสม

               ในการที จะเข้ามาไกล่เกลี ยให้คู่กรณีตกลงระงับข้อพิพาทได้ นอกจากนี7 ยังมีผู้ทรงคุณวุฒิ ซึ งเป็นผู้อาวุโสใน
               หมู่บ้าน หรือเรียกกันว่า เจ้าโคดลุงตา เป็นผู้รู้ความเป็นไปแห่งจารีตประเพณีของท้องถิ น รู้จักต้นตระกูล ญาติ

               มิตรของคู่กรณี อีกทั7งเป็นที เคารพนับถือ มีความประพฤติดี และชุมชนมีความศรัทรา รวมทั7งเป็นผู้มีจิตวิทยาใน

               การไกล่เกลี ย อันจะช่วยลดความตึงเครียดและสร้างบรรยากาศที ดีในการไกล่เกลี ย อีกทั7งสร้างความน่าเชื อถือ
               ให้แก่คู่กรณีว่าผู้ไกล่เกลี ยจะมีความเป็นธรรม (ชญานันทน์ ล้อมณีนพรัตน์, >??S, น. oo>-oo?)

                      อย่างไรก็ตาม การกําหนดประเภทคดีที ให้ไกล่เกลี ยได้ตามกฎหมายอาญาของสปป.ลาว กําหนด

               เฉพาะความผิดบางประเภทเท่านั7น ซึ งไม่สอดคล้องกับหลักปฏิบัติตามความเป็นจริงในชุมชนที มีการนํา

               ความผิดอื นๆ มาไกลเกลี ยก่อนที จะมีการบังคับใช้ข้อตกลงฯ ทําให้ในบางหมู่บ้านผู้ไกล่เกลี ยไม่สามารถปฏิบัติ
               ตามข้อตกลง กล่าวคือ ยังคงนําข้อพิพาทอื นๆ มาไกล่เกลี ย เช่น การทําร้ายร่างกายหรือความผิดเกี ยวกับเพศ

               เป็นต้น ซึ งสร้างความไม่เท่ากันในเรื องประเภทของข้อพิพาทที จะนํามาไกล่เกลี ยในแต่ละหมู่บ้าน ผู้ไกล่เกลี ย

               บางส่วนขาดความรู้ความเข้าใจเกี ยวกับหลักกฎหมาย อีกทั7งไม่ได้มีหลักเกณฑ์เป็นลายลักษณ์อักษรกําหนดให้
               การดําเนินกระบวนการไกล่เกลี ยข้อพิพาทเป็นไปในแนวทางที สอดคล้องกับแนวทางยุติธรรมเชิงสมานฉันท์

               อย่างแท้จริง ทําให้การไกล่เกลี ยในแต่ละชุมชนไม่มีมาตรฐานเดียวกัน อีกทั7ง ผลบังคับของข้อตกลงแม้จะตกลง

               กันได้แล้วก็ไม่ได้ทําให้ความผิดทางอาญาที ได้ไกล่เกลี ยกันแล้วนั7นระงับไป อาจมีการฟ้ องร้องกันได้อีก ซึ งย่อม

                                                            4
   8   9   10   11   12   13   14   15   16   17   18