Page 9 - 23464_Full text
P. 9

8



                   เขตก็หันกลับไปใช้ระบบเขตเดียวหลายเบอร์ ดังเช่นการเลือกตั้งที่มีอยู่ก่อน พ.ศ. 2544 ซึ่งเป็น
                   การก้าวถอยหลังไปสู่โครงสร้างที่อ่อนแอของพรรคการเมือง กลุ่มในพรรคการเมืองมีอิทธิพลมากขึ้น

                   และลดความเป็นผู้น าของพรรคการเมืองลง

                          ในระบบการเลือกตั้งภายใต้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 มีการลดทอน
                   ความเข้มแข็งของพรรคการเมืองลงยิ่งกว่าเดิม โดยน าระบบเลือกตั้งแบบจัดสรรปันส่วนผสมมาใช้
                   ซึ่งเป็นระบบเลือกตั้งที่สร้างผลกระทบต่อหลักการเป็นตัวแทนของประชาชนเนื่องจากมีบัตรใบเดียว
                   แต่มีผู้แทนสองประเภท โดยประชาชนมีบัตรแค่ใบเดียวเลือกผู้แทนระบบเขต แต่ละคะแนนในระบบ

                   เขตถูกน าไปค านวณเพื่อหาที่นั่งของจ านวนผู้แทนทั้งหมดและผู้แทนในระบบบัญชีรายชื่อของ
                   แต่ละพรรคด้วย ระบบเลือกตั้งดังกล่าวท าให้เกิดพรรคการเมืองจ านวนมากในสภาผู้แทนราษฎร
                   อย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนในประวัติศาสตร์พรรคการเมืองไทย รวมถึงการมีพรรคขนาดเล็กที่มี
                   ผู้แทนเพียง 1 ที่นั่งจ านวนมากในระบบพรรคการเมือง ระบบนี้ยังไม่สามารถแก้ไขปัญหาทางการเมือง

                   ที่ด ารงอยู่ในสังคมไทยแต่เดิม คือปัญหาการซื้อเสียง การแข่งขันการเลือกตั้งที่ดุเดือดรุนแรง อิทธิพล
                   ของเจ้าพ่อผู้มีอิทธิพลในท้องถิ่นและการเมืองแบบอุปถัมภ์ การต่อรองผลประโยชน์ระหว่าง
                   สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรคเล็กและพรรคการเมืองขนาดใหญ่ และภายในพรรคการเมือง

                   ด้วยกันเอง ด้วยเหตุนี้ การเลือกตั้งในฐานะที่เป็นสถาบันและกระบวนการทางการเมืองที่ส าคัญในโลก
                   สมัยใหม่จึงส่งผลต่อการเมืองและโครงสร้างทางอ านาจในประเทศไทยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

                          ส าหรับการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่จะเกิดขึ้นใน พ.ศ. 2566 นี้ มีความเปลี่ยนแปลง
                   ที่ส าคัญคือ มีการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญโดยแก้ไขเรื่องระบบเลือกตั้งอีกครั้งหนึ่ง และต่อมาได้มี
                   การแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร

                   พ.ศ. 2561 ในห้วงเวลาของการเปลี่ยนแปลงกติกาการเลือกตั้งนี้ ได้มีความพยายามรณรงค์
                   ภาคประชาสังคมในประเด็นการแก้ไขระบบเลือกตั้ง ซึ่งแต่ละกลุ่มในภาคประชาชนมีความคิดเห็น
                   ที่แตกต่างกันไป ในขณะเดียวกันก็มีการผลักดันการแก้ไขเปลี่ยนแปลงระบบเลือกตั้งในรัฐสภา
                   ผ่านกระบวนการนิติบัญญัติ ซึ่งแต่ละพรรคการเมืองก็มีข้อเสนอและจุดยืนต่อระบบเลือกตั้ง
                   ที่พึงปรารถนาที่แตกต่างกันไป จนก่อเกิดเป็นประเด็นการถกเถียงที่ร้อนแรง ที่สังคมและสื่อมวลชน

                   ขนานนามว่าเป็นการเถียงกันระหว่างสูตร “หาร 100” กับ “หาร 500” ความน่าสนใจในการถกเถียง
                   เรื่องระบบเลือกตั้งครั้งนี้คือ ความขัดแย้งในจุดยืนและข้อเสนอเกิดขึ้นทั้งระหว่างพรรคการเมือง
                   ขนาดใหญ่กับพรรคการเมืองขนาดเล็ก และยังเกิดขึ้นในพรรคการเมืองขั้วอุดมการณ์เดียวกันด้วย คือ

                   พรรคการเมืองที่ร่วมรัฐบาลก็มีความเห็นที่ต่างกัน และในขั้วของพรรคฝ่ายค้านแต่ละพรรคก็มี
                   ความคิดเห็นที่แตกต่างกันด้วย ท าให้เกิดเป็นประเด็นการศึกษาที่น่าสนใจ

                          งานวิจัยฉบับนี้จึงต้องการศึกษาการเปลี่ยนแปลงเพิ่มเติมพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ
                   ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2561 ซึ่งจะส่งผลต่อการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทน
                   ราษฎรใน พ.ศ. 2566 ว่าอะไรคือสาเหตุปัจจัยที่ท าให้เกิดความพยายามผลักดันการแก้ไขระบบ

                   เลือกตั้งทั้งในและนอกรัฐสภา และอะไรคือสาเหตุปัจจัยที่ท าให้มีการแก้ไขระบบเลือกตั้งตาม
                   รัฐธรรมนูญปี พ.ศ. 2560 โดยประเด็นสืบเนื่องที่จะวิเคราะห์ประกอบกันคือ การเปลี่ยนระบบเลือกตั้ง
                   และกฎหมายว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จะส่งผลต่อโครงสร้างทางการเมือง ระบบ
                   พรรคการเมือง และความขัดแย้งทางการเมืองอย่างไร ในช่วงเวลาที่การเมืองไทยก าลังเดินมาถึงระยะ

                   หัวเลี้ยวหัวต่อที่ส าคัญอีกครั้งหนึ่ง
   4   5   6   7   8   9   10   11   12   13   14