Page 61 - 23464_Full text
P. 61

60



                                                         บทที่ 3

                                     การเมืองของการแก้ไขระบบเลือกตั้ง: จุดยืน ยุทธศาสตร์
                                    และเหตุผลของตัวแสดงทางการเมืองในเกมก าหนดกติกา



                          ในบทที่แล้วได้อธิบายพัฒนาการและพลวัตของการผลักดันและการต่อสู้ระหว่างภาคส่วน
                   ต่างๆ ทั้งภาคประชาชนและภาคการเมืองที่เกี่ยวข้องกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญและกติกาการเลือกตั้ง
                   โดยฉันทามติของทุกฝ่ายในสังคมที่มีร่วมกันคือ ระบบเลือกตั้งแบบจัดสรรปันส่วนผสมแบบบัตรใบเดียว

                   เป็นระบบที่สร้างปัญหามากกว่าสร้างประโยชน์ให้การเมืองไทย ทั้งนี้แต่ละฝ่ายให้เหตุผลที่แตกต่างกัน
                   หลากหลายกันไปถึงข้อเสียของระบบเลือกตั้งที่ออกแบบโดยกรรมการร่างรัฐธรรมนูญชุด
                   นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ไม่ว่าจะเป็นการท าให้พรรคการเมืองอ่อนแอ ท าให้พรรคการเมืองขนาดใหญ่
                   เสียเปรียบ ก่อให้เกิดรัฐบาลผสมที่ขาดประสิทธิภาพและไร้เสถียรภาพ ท าให้เกิดการซื้อเสียงเพิ่มขึ้น

                   ท าให้การแข่งขันเชิงนโยบายลดลง สร้างให้เกิดพรรคการเมืองขนาดเล็กจ านวนมากเกินไปในระบบ
                   พรรคการเมือง ท าให้เกิดปัญหาการย้ายพรรคและการซื้อตัว ส.ส. ในสภา ตัดสิทธิประชาชนที่จะได้
                   เลือกทั้งพรรคที่รักและคนที่ชอบ รวมถึงประเด็นว่าระบบเลือกตั้งดังกล่าวเป็นระบบเลือกตั้งที่ขาด
                   ความเป็นประชาธิปไตยและเป็นผลผลิตของการรัฐประหารที่มุ่งสืบทอดอ านาจ เป็นต้น


                          อย่างไรก็ตาม แม้ว่าหลังการเลือกตั้งปี 2562 ฉันทามติของสังคมไทยจะก่อตัวขึ้นมาว่า
                   จ าเป็นต้องมีการยกเลิกระบบเลือกตั้งแบบจัดสรรปันส่วนผสมซึ่งเต็มไปด้วยปัญหา แต่ทุกกลุ่มไม่ได้
                   ตลกผลึกหรือเห็นพ้องต้องกันถึงระบบเลือกตั้งแบบใหม่ที่ประเทศไทยควรน ามาใช้แทนที่ ซึ่งท่ามกลาง
                   ความแตกต่างหลากหลายนี้ หากจะสรุปจุดยืนของแต่ละตัวแสดงทางการเมืองต่อประเด็นกติกา
                   เลือกตั้งจะพบว่ามีดังต่อไปนี้


                          ภาคประชาชนสนับสนุนให้แก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยเน้นไปที่ประเด็นโครงสร้างอ านาจ ที่มา
                   นายกฯ ที่มาและขอบเขตอ านาจขององค์กรอิสระและวุฒิสภา และประเด็นสิทธิเสรีภาพของ
                   ประชาชน เสนอให้มีการร่างรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับโดยตัวแทนที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน
                   ส าหรับในส่วนกติกาการเลือกตั้ง ภาคประชาชนไม่ได้เสนอข้อเสนอที่เป็นรูปธรรมว่าต้องการให้น า

                   ระบบใดมาใช้ แต่เสนอให้สมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญที่ประชาชนเป็นผู้เลือกเป็นเวทีอภิปรายถกเถียง
                   เรื่องนี้โดยเปิดให้ประชาชนเข้าไปมีส่วนร่วม

                          พรรคเพื่อไทยซึ่งเป็นพรรคการเมืองใหญ่ที่ชนะเลือกตั้งมาเป็นอันดับที่หนึ่งในการเลือกตั้ง
                   2562 เสนอในขั้นตอนการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้มีการเปลี่ยนจากระบบจัดสรรปันส่วนผสมบัตรใบเดียว
                   ไปเป็นระบบผสมแบบเสียงข้างมากที่มีบัตรสองใบ และในขั้นตอนการพิจารณากฎหมายเลือกตั้ง

                   ประกอบรัฐธรรมนูญ เพื่อไทยสนับสนุนให้ใช้สูตร “หาร 100” ซึ่งเป็นวิธีค านวณคะแนนตามแบบ
                   ระบบผสมเสียงข้างมาก (หรือระบบคู่ขนาน) แบบเดียวกับรัฐธรรมนูญปี 2540 คือ คะแนนในระบบ
                   บัญชีรายชื่อน ามาค านวณที่นั่งส.ส. บัญชีรายชื่อที่แต่ละพรรคจะได้รับ (จากทั้งหมดจ านวน 100 ที่นั่ง)
                   มิใช่น ามาการค านวณที่นั่ง ส.ส. ทั้งหมดของแต่ละพรรค ทั้งนี้เมื่อมีการกลับมติของรัฐสภาในวาระ 2

                   หันกลับไปใช้สูตรหาร 500 เพื่อไทยไม่เห็นด้วย และใช้ยุทธวิธีนัดหมายไม่ให้ ส.ส. ของพรรคเข้าร่วม
                   การประชุมสภาในวาระ 3 เพื่อท าให้องค์ประชุมสภาไม่ครบและท าให้สูตรหาร 500 ต้องตกไป
                   เนื่องจากทางพรรคไม่ต้องการให้สูตรหาร 500 ที่พลิกกลับมาชนะในวาระ 2 สามารถผ่านสภาได้
   56   57   58   59   60   61   62   63   64   65   66