Page 13 - 23154_Fulltext
P. 13

8




                       บทที่ 9 ความสัมพันธ์เชิงอ านาจในระบบรัฐสภาของไทย  จะเป็นการวิเคราะห์ความสัมพันธ์เชิงอ านาจ

               ในระบบรัฐสภาของไทย และข้อเสนอรูปแบบของระบบรัฐสภาที่เหมาะสมส าหรับประเทศไทย

                       บทที่ 10 สรุป


                                                          บทที่ 2

                          ระบบรัฐสภา: จุดก าเนิด แนวคิดและทฤษฎี และทบทวนวรรณกรรม


                       ในการศึกษาเรื่องความสัมพันธ์เชิงอ านาจในระบบรัฐสภาไทยนั้น จ าเป็นที่จะต้องเห็น “ภาพใหญ่” ของสิ่ง
               ที่เรียกว่าระบบรัฐสภาในเชิงสากล และระบบรัฐสภาในประเทศไทย ในบทนี้จะแบ่งการน าเสนอออกเป็น 4 ส่วน

               หลักที่ส าคัญ ได้แก่ 1) จุดก าเนิดของรัฐสภา โดยศึกษาวิเคราะห์ทั้งในเชิงทฤษฎี การส ารวจวรรณกรรมที่เกี่ยวข้อง
               และรากศัพท์ของรัฐสภา เพื่อให้เห็นภาพว่ารัฐสภามีวิวัฒนาการในทางประวัติศาสตร์เกิดขึ้นได้อย่างไร 2) แนวคิด

               และทฤษฎี โดยจะอภิปรายแนวคิดหลักส าคัญ 2 ประการ ได้แก่ แนวคิดเรื่องการปกครองในระบบรัฐสภา
               (parliamentarism) และแนวคิดเรื่องอ านาจสูงสุดเป็นของรัฐสภา (parliamentary sovereignty) 3) ลักษณะ

               พื้นฐานของระบบรัฐสภา โดยส ารวจค าอธิบายในทางวิชาการว่าด้วยระบบรัฐสภาทั้งในทางสากลและไทย และ 4)
               ทบทวนวรรณกรรม โดยจะส ารวจการศึกษาเรื่องระบบรัฐสภาในทางการเมืองเปรียบเทียบ และส ารวจวรรณกรรม
               เกี่ยวกับระบบรัฐสภาของไทย


               2.1 จุดก าเนิดของรัฐสภา

                       ก าเนิดรัฐสภา: มุมมองในทางทฤษฎี


                       รูปแบบของระบบรัฐสภาในโลกปัจจุบันนั้นมีที่มาทางประวัติศาสตร์จากการจัดการปกครองที่มีกษัตริย์กับ
               สภา (King and Council)  ในยุคโบราณ ที่มีกษัตริย์ปกครอง และมีสภาที่ประกอบด้วย "ผู้ทรงภูมิปัญญา" (wise

               men) ต่อมาในยุคกลาง ได้พัฒนากลายเป็นการเป็นการปกครองที่มีกษัตริย์ (King) และสภาที่ปรึกษากษัตริย์
               (royal council) ในช่วงต้นยุคกลาง ก่อนจะพัฒนาไปเป็นการปกครองที่มีกษัตริย์ และรัฐสภา (parliament)
               ในช่วงปลายยุคกลางต่อเนื่องถึงต้นยุคสมัยใหม่ และการปกครองที่มีรัฐสภาและนายกรัฐมนตรี หรือสภากับ

               ประธานาธิบดีในยุคปัจจุบัน พัฒนาการของระบบรัฐสภาในประวัติศาสตร์เป็นเรื่องของการจัดความสัมพันธ์ทาง
               อ านาจว่าใคร หรือสถาบันใดมีอ านาจมากกว่ากันในการก าหนดนโยบายและตัดสินใจเรื่องต่างๆ  ค าอธิบายหนึ่ง

               ในทางทฤษฎีนั้น รัฐสภาจึงเป็นสถาบันการเมืองที่ถือก าเนิดขึ้นจากพัฒนาการทางการเมืองที่ต้องการ “การ
               ต่อรอง” และ “การประนีประนอม” ทั้งการต่อรองภายในรัฐสภาเอง และการต่อรองระหว่างรัฐสภากับองค์อธิปัตย์

               ซึ่งการต่อรองและการประนีประนอมนี้เป็นความสัมพันธ์ในลักษณะแลกเปลี่ยนและต่างตอบแทน (Congleton,
               2011: 6-9) ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจนคือเรื่องการจัดเก็บภาษี และการใช้จ่ายเงินของกษัตริย์ บทบาทของรัฐสภาใน
   8   9   10   11   12   13   14   15   16   17   18