Page 218 - 22385_Fulltext
P. 218

การศึกษาการบังคับใช้                     การศึกษาการบังคับใช้
 พระราชบัญญัติความเท่าเทียมระหว่างเพศ พ.ศ. 2558 เพื่อประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมาย   พระราชบัญญัติความเท่าเทียมระหว่างเพศ พ.ศ. 2558 เพื่อประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมาย



 หน่วยงานและพนักงานเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องอย่างกรมกิจการสตรีฯ     ปฏิบัติจริง ดังนั้น หากคณะกรรมการ วลพ. เห็นว่าเรื่องที่ร้องเข้ามาน่าจะ
 กองส่งเสริมความเสมอภาคระหว่างเพศ อำนวยความสะดวกให้กับผู้ต้องการ  เข้าข่าย หรือเป็นเรื่องที่ร้องมาในประเด็นเดียวกันกับที่คณะกรรมการ วลพ.
 ร้องเรียนค่อนข้างดี และผู้ร้องสามารถเข้าถึงได้หลากหลายช่องทาง ไม่ว่าจะ  เคยมีคำวินิจฉัยไปแล้วว่าเลือกปฏิบัติ คณะกรรมการ วลพ. ก็จะพิจารณาใช้
 เป็นการมาร้องด้วยตนเองที่หน่วยงาน ร้องด้วยวาจาทางโทรศัพท์     อำนาจตามมาตรา 19 นี้ ซึ่งที่ผ่านมาคณะกรรมการ วลพ. ใช้อำนาจดังกล่าว

 ทางจดหมาย จดหมายอิเล็กทรอนิกส์ รวมทั้งทางแอปพลิเคชัน Line ทั้งยังมี  แล้วหลายครั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กรณีข้อร้องเรียนเกี่ยวกับข้อบังคับ
 เจ้าหน้าที่คอยช่วยเหลือกรอกแบบฟอร์ม กระทั่งช่วยเรียบเรียงเหตุการณ์และ  ของมหาวิทยาลัยเกี่ยวกับการขอแต่งกายตามเพศสภาพเพื่อเข้ารับปริญญา

 เรื่องราวเพื่อเขียนคำร้องให้ด้วย ทำให้ความยุ่งยากของกระบวนการต่าง ๆ   ซึ่งใกล้มาถึง หากคำวินิจฉัยออกไม่ทันข้อบังคับเหล่านี้จะถูกบังคับใช้ต่อไป
 ลดลง และประชาชนสามารถเข้าถึงสิทธิดังกล่าวได้ง่ายกว่าการร้องเรียนกับ  และถ้าเป็นการเลือกปฏิบัติจริง ผู้ร้องต้องเสียโอกาสเข้ารับปริญญาด้วย
 หน่วยงานอื่น นอกจากนี้ กรมกิจการสตรีฯ โดยกองงานที่เกี่ยวข้องยังช่วย  เครื่องแต่งกายที่ตนเลือก อย่างไรก็ตาม สำหรับกรณีอื่น ๆ ยังไม่เคยมีการใช้
 อบรมแนะนำวิธีการร้องเรียนต่อให้กับคนทำงานภาคประชาสังคมเพื่อให้  มาตรการลักษณะนี้ เนื่องจากต้องมีพื้นฐานว่าเป็นเรื่องที่น่าจะเข้าข่าย

 สามารถนำความรู้ความเข้าใจที่ได้ไปช่วยเหลือหรือแนะนำต่อกันเอง หรือ    เป็นการเลือกปฏิบัติเสียก่อน
 ต่อประชาชนกลุ่มอื่น ๆ ได้ อย่างไรก็ตาม แม้กระบวนการร้องเรียนจะสะดวก     อนึ่ง ผู้ให้สัมภาษณ์ซึ่งเป็นคณะกรรมการ วลพ. บางคนสะท้อน
 รวดเร็ว แต่ผู้ให้สัมภาษณ์ทั้งที่เป็นคนทำงานภาคประชาสังคม และผู้เสียหาย  ด้วยว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นในระยะหลังก็คือ นักกฎหมายที่เกี่ยวข้องตั้งข้อสังเกต

 ที่เคยร้องเรียนเห็นว่าในขั้นตอนของการพิจารณา หรือการต้องมาให้ข้อมูล    ว่าการใช้อำนาจคุ้มครองชั่วคราวของคณะกรรมการ วลพ. ไม่เป็นธรรมกับ
 กับคณะกรรมการ วลพ. ยังมีความลำบาก และเสียค่าใช้จ่ายและเวลา    ฝ่ายผู้ถูกร้อง เพราะเสมือนหนึ่งว่าคณะกรรมการ วลพ. วินิจฉัยไปก่อนแล้วว่า
 ค่อนข้างมาก เนื่องจากต้องเดินทางเข้ามาที่ส่วนกลางในกรุงเทพเท่านั้น    เรื่องที่ร้องเรียนนั้นเป็นการเลือกปฏิบัติจริง ส่งผลให้คณะกรรมการ วลพ.

 ในขณะที่คณะกรรมการ วลพ. มีงบประมาณช่วยเหลือไม่สม่ำเสมอ      พยายามลดการใช้อำนาจตามมาตรานี้ลง

    2.7) มาตรการชั่วคราวเพื่อคุ้มครองผู้ร้องระหว่างพิจารณาตาม     กล่าวโดยสรุป หากมองเฉพาะบทบาทของคณะกรรมการ วลพ.
 มาตรา 19 พ.ร.บ. ความเท่าเทียมฯ สามารถบังคับใช้ได้จริง และค่อนข้างมี  ผู้ให้สัมภาษณ์เห็นว่ากลไกนี้ตามกฎหมายฉบับปัจจุบันเพียงพอแล้ว เพียงแต่

 ประโยชน์ในการคุ้มครองผู้ร้องไม่ให้ถูกละเมิดซ้ำซ้อน โดยเพื่อให้เกิด    อาจมีการทบทวนเพิ่มอำนาจหน้าที่ สภาพบังคับของคำวินิจฉัย หรือกำหนด
 ความเป็นธรรมทั้งกับฝ่ายผู้ร้องและผู้ถูกร้อง ที่ผ่านมาในการพิจารณาว่าจะมี  กรอบเวลาทำงานให้รวดเร็วขึ้นเท่านั้น
 คำสั่งใช้มาตรการชั่วคราวดังกล่าวหรือไม่ คณะกรรมการ วลพ. จะยึดตาม

 แนววิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง ซึ่งวางหลักว่า 1) ต้องเป็นเรื่องเร่งด่วน     (3)  กองทุนส่งเสริมความเท่าเทียมระหว่างเพศ
 หากไม่ดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่ง ย่อมไม่อาจแก้ไขความเสียหายที่เกิดขึ้น      จากประสบการณ์การทำงานของผู้ให้สัมภาษณ์แต่ละกลุ่ม
 ได้ในภายหลัง และ 2) เป็นเรื่องที่มีแนวโน้ม หรือน่าจะเข้าข่ายการเลือก  ผู้ศึกษาพบว่ายังมีมุมมองต่อการบริหารจัดการการใช้เงินกองทุนส่งเสริม



 202  สถาบันพระปกเกล้า                                            สถาบันพระปกเกล้า   203
   213   214   215   216   217   218   219   220   221   222   223