Page 213 - 22385_Fulltext
P. 213

การศึกษาการบังคับใช้                                                                การศึกษาการบังคับใช้
                     พระราชบัญญัติความเท่าเทียมระหว่างเพศ พ.ศ. 2558 เพื่อประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมาย      พระราชบัญญัติความเท่าเทียมระหว่างเพศ พ.ศ. 2558 เพื่อประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมาย



                 ความรอบคอบ ประกอบกับความจำเป็นในการต้องเปิดโอกาสให้ทั้งสองฝ่าย                        ที่พยายามหลีกเลี่ยงการใช้อำนาจเชิงบังคับ แต่ต้องการใช้แนวทาง
                 ได้ชี้แจงหรือแสดงพยานหลักฐานอย่างเท่าเทียม จึงไม่เอื้อให้เกิดการ                      การสร้างความเข้าใจ และอาศัยความร่วมมือจากหน่วยงานผู้ถูกร้อง
                 ดำเนินการอย่างรวบรัดหรือรวดเร็วตามที่ผู้ร้องต้องการได้ นอกจากจากนี้                   จึงส่งผลให้ จนถึงปัจจุบันที่แม้กฎหมายจะบังคับใช้มากว่า 5 ปี แล้ว
                 ด้วยเหตุที่การพิจารณาวินิจฉัยนี้ใช้กลไกการทำงานแบบเรียกประชุม                         หน่วยงานผู้รับผิดชอบก็ยังไม่มีแนวทางปฏิบัติหรือคู่มือใด ๆ เกี่ยวกับ

                 คณะกรรมการซึ่งไม่ได้ทำงานในตำแหน่งประจำ (อย่างคณะกรรมการ                              การบังคับใช้ ขั้นตอน หรือกระบวนการแจ้งความดำเนินคดีกรณีที่เกิด
                 สิทธิมนุษยชน) ในขณะที่คณะกรรมการ วลพ. ล้วนเป็นผู้ทรงคุณวุฒิที่มี                      การฝ่าฝืนคำสั่งของคณะกรรมการ วลพ. เลย ในขณะที่พนักงานเจ้าหน้าที่

                 ภาระหน้าที่ประจำของตนเองอยู่แล้ว การพิจารณาคำร้องโดยต่อเนื่องเพื่อให้                 โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ไม่ใช่นักกฎหมายยังขาดความรู้ความเข้าใจว่าต้อง
                 แล้วเสร็จโดยรวดเร็วจึงเกิดขึ้นยาก อนึ่ง องค์ประกอบของคณะกรรมการ วลพ.                  ดำเนินการอย่างไรต่อไปบ้างเมื่อเกิดเหตุดังกล่าวขึ้น ดังนั้น ในทางรูปแบบ
                 เองที่มีที่มาจากหลากหลายภาคส่วน และมีความรู้ความเข้าใจแตกต่างกัน                      และหลักการแห่งกฎหมายแล้ว ผู้ให้สัมภาษณ์บางคนจึงมองว่าปัญหานี้
                 ในหลากหลายสาขาก็ส่งผลต่อจำนวนประเด็นที่ต้องวินิจฉัยตีความ และ                         ย่อมทำให้คำวินิจฉัยของคณะกรรมการ วลพ. ขาดสภาพบังคับไปโดยปริยาย

                 ระยะเวลาที่ใช้เพื่อการถกเถียง แลกเปลี่ยนหามติหรือข้อสรุปร่วมกันด้วย                            อย่างไรก็ตาม ผู้ให้สัมภาษณ์ซึ่งเป็นคณะกรรมการ วลพ.
                 เหล่านี้ยังมิได้กล่าวถึงปัญหาการขาดแคลนพนักงานเจ้าหน้าที่ฝ่ายสนับสนุน                 ยังมีความเห็นที่แตกต่างกันอยู่ในประเด็นนี้ โดยฝ่ายหนึ่งซึ่งทำงานด้านสิทธิ
                 ที่สามารถช่วยเหลือคณะกรรมการ วลพ. ในการแสวงหาข้อเท็จจริง การสรุป                      และไม่ใช่นักกฎหมายเห็นว่าควรใช้วิธีการทำงานแบบการสร้างความเข้าใจกับ

                 คำพยาน รวมทั้งเขียนคำวินิจฉัยซึ่งควรต้องเป็นนักกฎหมายและมีความรู้                     หน่วยงานหรือองค์กรผู้ถูกร้องมากกว่าการออกคำสั่งบังคับ โดยมองว่า
                 ความเข้าใจในประเด็นทางเพศ
                                                                                                       พ.ร.บ.ความเท่าเทียมฯ เป็นกฎหมายทางเลือกมีเป้าหมายในการส่งเสริม

                          2.4) คณะกรรมการ วลพ. ไม่มีอำนาจบังคับตามคำวินิจฉัย                           ความเสมอภาค ไม่ใช่การปราบปราม ในขณะที่ฝ่ายนักกฎหมายเห็นว่าควรมี
                 ด้วยตนเอง กล่าวคือ แม้คณะกรรมการ วลพ. จะมีอำนาจตามกฎหมายฉบับนี้                       มาตรการบังคับที่ชัดเจน และอาจต้องใช้อำนาจนี้บ้างในบางกรณีเมื่อจำเป็น
                 สั่งการให้หน่วยงานรัฐ เอกชน หรือบุคคลที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการตามอำนาจ                  เพื่อทำให้คำสั่งของคณะกรรมการ วลพ. มีสภาพบังคับ อีกทั้งหากมี
                 ด้วยวิธีการที่เหมาะสมเพื่อระงับและป้องกันการเลือกปฏิบัติได้ (มาตรา 20 (1))            คำพิพากษาลงโทษโดยศาล ก็อาจให้ผลเป็นการช่วยสร้างแนวบรรทัดฐาน

                 โดยกฎหมายกำหนดโทษอาญาไว้สำหรับบุคคลที่ฝ่าฝืนคำสั่งด้วย (มาตรา 34                      ให้ชัดเจนขึ้นในสังคมด้วยว่าถ้าผู้ที่ถูกคณะกรรมการ วลพ. ชี้ไว้แล้วว่า
                 และ 35) ก็ตาม แต่ลำพังคณะกรรมการ วลพ. หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง                       เลือกปฏิบัติ ไม่นำพาต่อการระงับการเลือกปฏิบัติของตน ก็ควรต้องได้รับโทษ
                 อย่างกรมกิจการสตรีฯ ย่อมไม่มีอำนาจบังคับหรือลงโทษบุคคลใดได้เอง                        ทั้งภาคประชาสังคมยังสามารถนำไปใช้อ้างอิงเพื่อช่วยยุติการเลือกปฏิบัติ

                 จำเป็นต้องแจ้งความดำเนินคดี หรือใช้สิทธิทางศาลเพื่อบังคับการให้เป็นไป                 ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตได้อีกด้วย จากการสัมภาษณ์ความเห็นของ
                 ตามกฎหมายต่อไป ซึ่งในที่นี้หมายรวมถึงอำนาจในการ “เปรียบเทียบปรับ”                     ฝั่งผู้เสียหายที่ยื่นคำร้องก็ค่อนข้างเห็นพ้องไปในแนวทางเดียวกันกับฝ่ายหลังนี้
                 (มาตรา 36) ด้วย ประกอบกับนโยบายการทำงานของคณะกรรมการ วลพ.                             ทั้งเห็นด้วยว่าหากในที่สุดแล้วคำวินิจฉัยของคณะกรรมการ วลพ.



            198    สถาบันพระปกเกล้า                                                                                                                  สถาบันพระปกเกล้า
   208   209   210   211   212   213   214   215   216   217   218