Page 210 - 22385_Fulltext
P. 210

การศึกษาการบังคับใช้                     การศึกษาการบังคับใช้
 พระราชบัญญัติความเท่าเทียมระหว่างเพศ พ.ศ. 2558 เพื่อประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมาย   พระราชบัญญัติความเท่าเทียมระหว่างเพศ พ.ศ. 2558 เพื่อประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมาย



    ต่อประเด็นการทำงานเชิงรับที่เป็นปัญหาในมุมมองของผู้ให้  ทั้งที่การเลือกปฏิบัติที่เกิดขึ้นในสังคมหลายต่อหลายกรณีส่งผลกระทบต่อ
 สัมภาษณ์ส่วนใหญ่นี้ ยังเป็นผลสืบเนื่องมาจากเงื่อนไขการยื่นคำร้องที่กำหนด  สิทธิของประชาชนอย่างเป็นการทั่วไป ไม่ได้เฉพาะเจาะจงว่าต้องกระทำต่อ
 ไว้ทั้งใน พ.ร.บ. ความเท่าเทียมฯ (มาตรา 18) เอง และตามข้อ 5 และข้อ 18   ใครคนใดคนหนึ่ง
 (1) แห่งระเบียบกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมุ่นคงของมนุษย์ว่าด้วย     นอกจากนี้ การบัญญัติและการบังคับใช้กฎหมายเช่นนี้ ยังอาจ

 หลักเกณฑ์และวิธีการในการยื่นคำร้อง การพิจารณา และการวินิจฉัย    สะท้อนให้เห็นว่ารัฐมิได้คำนึงถึงปัญหาความสัมพันธ์เชิงอำนาจ และ
 การเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมระหว่างเพศ พ.ศ. 2559 ด้วย เนื่องจากกฎหมาย   ความเหลื่อมล้ำระหว่างผู้เลือกปฏิบัติกับผู้ถูกเลือกปฏิบัติอย่างเพียงพอด้วย

 ใช้คำว่า “บุคคลใดเห็นว่าตนได้รับหรือจะได้รับความเสียหายจากการกระทำ  เนื่องจากการเลือกปฏิบัติจำนวนมากมักเกิดขึ้นโดยหน่วยงาน องค์กร หรือ
 ในลักษณะเป็นการเลือกปฏิบัติ...ให้มีสิทธิยื่นคำร้องต่อคณะกรรมการ วลพ.”   ผู้มีอำนาจฝ่ายหนึ่ง กระทำต่อบุคคล ลูกจ้าง หรือผู้ใต้บังคับบัญชาอีกฝ่ายหนึ่ง
 ซึ่งทั้งโดยถ้อยคำและโดยเจตนารมณ์ มุ่งหมายให้สิทธิในการร้องเรียนนี้    การที่กฎหมายเรียกร้องให้บุคคลผู้อยู่ใต้อำนาจหรืออยู่ในสถานภาพเหล่านี้
 เฉพาะกับ “ผู้ได้รับหรือจะได้รับความเสียหาย” จากการถูกเลือกปฏิบัติ  เท่านั้นต้องลุกขึ้นมาร้องเรียนและแสดงตนเป็นคู่ขัดแย้งกับฝ่ายผู้ถูกร้องนี้

 โดยตรงเท่านั้น บุคคลอื่นใดหรือแม้แต่หน่วยงานภาคประชาสังคมที่พบเห็น  อาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงอันไม่พึงประสงค์ขึ้นได้ เพราะในความเป็นจริง
 การกระทำในลักษณะของการเลือกปฏิบัติไม่มีสิทธิยื่นคำร้องดังกล่าวได้    นอกจากคำวินิจฉัยสั่งการของคณะกรรมการ วลพ. อาจไม่ได้รับการตอบสนอง
 ตราบใดที่ไม่ได้รับมอบหมายจากตัวผู้เสียหายโดยตรง มิพักต้องกล่าวว่า    จากฝ่ายผู้ถูกร้องจนผู้ร้องไม่ได้รับความเป็นธรรมหรือเยียวยาใด ๆ แล้ว

 แม้คณะกรรมการ วลพ. เองจะได้พบเห็นการกระทำในลักษณะของ    ด้วยเงื่อนไขที่ “ผู้ได้รับหรือจะได้รับความเสียหาย”ต้องแสดงตัว ยังอาจส่งผล
 การเลือกปฏิบัติอย่างชัดเจน ก็ไม่สามารถดำเนินการใด ๆ เพื่อระงับการเลือก  ให้ผู้ร้องเรียนนั้นได้รับความเสียหายยิ่งกว่าเดิมด้วย ไม่ว่าจะเป็นการถูกปฏิบัติ
 ปฏิบัตินั้นได้เช่นกัน ตัวอย่างที่เกิดขึ้นแล้วก็คือ กรณีที่คณะกรรมการ วลพ.   ที่ไม่เป็นธรรมมากขึ้นระหว่างรอคำวินิจฉัย ต้องทนทำงานในสภาวะแวดล้อม

 ไม่สามารถรับวินิจฉัยข้อร้องเรียนที่ยื่นเข้ามาโดยองค์กรภาคประชาสังคม    ที่ไม่เป็นมิตรและกดดันยิ่งขึ้นเนื่องจากเป็นผู้ร้องเรียนหน่วยงาน องค์กร
 แห่งหนึ่งเกี่ยวกับการที่โรงเรียนในจังหวัดหนึ่งขึ้นป้ายประกาศอย่างชัดเจนว่า  นายจ้าง หรือผู้บังคับบัญชาของตนเอง ไปจนถึงถูกไล่ออกจากงานด้วยข้ออ้าง
 ไม่รับนักเรียนที่เบี่ยงเบนทางเพศ เหตุผลของคณะกรรมการ วลพ. ก็คือผู้ร้อง  เรื่องอื่นที่ซับซ้อนขึ้น เป็นต้น อนึ่งแม้ มาตรา 19 ตาม พ.ร.บ.ความเท่าเทียมฯ

 ไม่ใช่ผู้เสียหายโดยตรงจากการกระทำดังกล่าว ผู้ให้สัมภาษณ์หลายคนรวมทั้ง  จะกำหนดให้อำนาจคณะกรรมการ วลพ. สามารถกำหนดมาตรการชั่วคราว
 คณะกรรมการ วลพ. เองทั้งอดีตและปัจจุบันล้วนกล่าวถึงกรณีนี้ และเห็นว่า  ก่อนมีคำวินิจฉัยเพื่อคุ้มครองหรือบรรเทาทุกข์แก่บุคคลผู้ถูกหรืออาจถูกเลือก
 คืออุปสรรคสำคัญประการหนึ่งที่ทำให้กฎหมายไม่สามารถแก้ไขปัญหา    ปฏิบัติเท่าที่จำเป็นและสมควรแก่กรณีได้ แต่ที่ผ่านมา ด้วยเงื่อนไขหลักเกณฑ์

 การเลือกปฏิบัติในสังคมไทยได้อย่างแท้จริง โดยให้เหตุผลว่า กฎหมาย  และการใช้การตีความ คณะกรรมการ วลพ. ยังไม่เคยใช้มาตรการนี้
 บัญญัติโดยไม่เข้าใจลักษณะและธรรมชาติของการเลือกปฏิบัติ ทั้งเอาแต่มอง  เพื่อคุ้มครองสถานการณ์ความกดดันใด ๆ ที่อาจเกิดขึ้นแก่สภาพจิตใจและ
 ว่าการเลือกปฏิบัติเป็นเพียง “ปัญหาเฉพาะกลุ่ม เป็นเรื่องเฉพาะตัว”
                   ร่างกายของผู้ร้องเรียนเลย



      สถาบันพระปกเกล้า                                            สถาบันพระปกเกล้า   195
   205   206   207   208   209   210   211   212   213   214   215