Page 207 - 22385_Fulltext
P. 207
การศึกษาการบังคับใช้ การศึกษาการบังคับใช้
พระราชบัญญัติความเท่าเทียมระหว่างเพศ พ.ศ. 2558 เพื่อประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมาย พระราชบัญญัติความเท่าเทียมระหว่างเพศ พ.ศ. 2558 เพื่อประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมาย
อย่างไรก็ตาม ผู้ให้สัมภาษณ์บางคนยังเห็นว่า ด้วยวิธีการดังกล่าวของ คนทำงานในภาคประชาสังคม รวมทั้งผู้ที่เคยใช้สิทธิร้องเรียนมาตามกลไกนี้
คณะกรรมการ สทพ. น่าจะส่งผลดีหรือสามารถสร้างความเปลี่ยนแปลง ต่างสะท้อนถึงปัญหาและอุปสรรคที่หลากหลาย ทั้งที่เกิดจากตัวบทกฎหมาย
ได้ระดับหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นการทำความร่วมมือ (MOU) กับหน่วยงานรัฐหรือ การใช้การตีความ และกระบวนการทำงานของคณะกรรมการ วลพ. ดังนี้
เอกชน การส่งหนังสือเวียนไปยังหน่วยงานภาครัฐ อย่างน้อยที่สุดก็ถือเป็น 2.1) โดยผลของอำนาจหน้าที่ที่บัญญัติไว้ตามกฎหมาย
จุดเริ่มต้นของการสร้างความเข้าใจและตระหนักรู้ระหว่างหน่วยงานรัฐ คณะกรรมการ วลพ. ไม่สามารถทำงานเชิงรุกได้ ในขณะที่การทำงานเชิงรับ
ด้วยกันเอง ซึ่งสถานการณ์เช่นนี้ไม่เกิดขึ้นหรือคงไม่สามารถเกิดขึ้นได้เลย กล่าวคือ การรับเรื่องร้องเรียนก็ทำได้ภายในขอบเขตจำกัดเท่านั้น ดังกล่าวไว้
ก่อนที่ พ.ร.บ. ความเท่าเทียมฯ จะบังคับใช้ในปี พ.ศ. 2558
หลายแห่งในรายงานฉบับนี้ไปแล้วว่าตั้งแต่กฎหมายมีผลใช้บังคับจนถึง
(2) คณะกรรมการวินิจฉัยการเลือกปฏิบัติด้วยเหตุแห่งเพศ ปัจจุบันมีเรื่องร้องเรียนมาที่คณะกรรมการ วลพ. เพียง 60 เรื่องเท่านั้น
(วลพ.) ซึ่งผู้ให้สัมภาษณ์ส่วนใหญ่ให้ความเห็นว่าจำนวนดังกล่าวน้อยกว่ากรณีที่เกิด
ขึ้นจริงมาก และคำร้องส่วนมากเป็นปัญหาของกลุ่มผู้มีความหลากหลาย
คณะกรรมการ วลพ. เป็นกลไกที่ถูกกล่าวถึงในทุกกลุ่มผู้ให้
สัมภาษณ์และในหลากหลายมิติ เนื่องจากมีบทบาท มีผลงาน หรือมี ทางเพศ สาเหตุที่มีคำร้องไม่มากอาจมีสาเหตุได้ตั้งแต่ความรับรู้ของประชาชน
การดำเนินการต่าง ๆ ตามกฎหมายฉบับนี้อย่างชัดเจนและเป็นรูปธรรมที่สุด ถึงการมีอยู่ของกฎหมายฉบับนี้ยังไม่กว้างขวางพอ แม้ประชาชนรู้ว่ามีกฎหมาย
ในแง่หนึ่งผู้ให้สัมภาษณ์ส่วนใหญ่เห็นว่ากลไกนี้เองที่ช่วยสร้างความ แล้วแต่ก็ยังไม่รู้ว่าตนถูกเลือกปฏิบัติหรือไม่ ไปจนถึง รู้ว่ามีกฎหมายแล้วและ
เปลี่ยนแปลงในเรื่องความเสมอภาคระหว่างเพศ และทำให้การเลือกปฏิบัติ รู้ว่าตนถูกเลือกปฏิบัติแต่ด้วยเหตุผลความไม่พร้อมหลายประการ ทำให้เลือก
ที่เกิดขึ้นในสังคมไทยได้รับการแก้ไขได้จริง แม้โดยกรอบอำนาจหน้าที่และ ที่จะไม่ร้องเรียน ส่วนเหตุผลที่แทบไม่มีเรื่องร้องจากผู้หญิงเลย อาจเป็น
ขอบเขตการทำงานของคณะกรรมการ วลพ. จะส่งผลให้ปัญหาถูกแก้ไข เพราะผู้หญิงสามารถใช้กฎหมายอื่น ๆ ที่เขียนรับรองสิทธิไว้แล้วเพื่อเรียกร้อง
เพียงเฉพาะเรื่องเฉพาะรายเท่านั้น แต่หากเปรียบเทียบกับช่วงเวลาก่อน ความเป็นธรรมได้ ในขณะที่กลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศไม่มีกฎหมาย
ปี 2558 ที่ผู้ได้รับความเสียหายจากการถูกเลือกปฏิบัติด้วยเหตุแห่งเพศ อื่นใดรับรองสิทธิของพวกเขามาก่อน เช่นนี้เอง จึงแสดงให้เห็นว่า
ไม่มีช่องทางที่เฉพาะเจาะจงเพื่อร้องขอความเป็นธรรมเลย การมีอยู่ของ คณะกรรมการ วลพ. เป็นหน่วยงานที่ช่วยแก้ปัญหาการเลือกปฏิบัติได้เพียง
คณะกรรมการ วลพ. จึงนอกจากจะเป็นที่พึ่งพิงให้กับผู้เสียหายได้แล้ว ยังนับ บางเรื่องบางกรณีเท่านั้น อนึ่ง แม้คณะกรรมการ วลพ. ชุดแรกจะพยายาม
เป็นกลไกสำคัญที่ทำให้หน่วยงานองค์กรต่าง ๆ ต้องระมัดระวังมากขึ้น แก้ไขปัญหานี้ด้วยการทำความร่วมมือ (MOU) กับภาคประชาสังคม
เพื่อไม่ให้ตนต้องตกเป็นคู่กรณีที่ถูกร้องเรียน อย่างไรก็ตาม ภายหลังบังคับใช้ ในการช่วยประชาสัมพันธ์กฎหมาย หรือคอยรับหรือนำเรื่องจากจังหวัด
กฎหมายฉบับนี้มากว่า 5 ปี และมีคณะกรรมการ วลพ. มาแล้วสองชุด หรือพื้นที่ต่าง ๆ ของประเทศเพื่อร้องเข้ามายังคณะกรรมการ วลพ.
ผู้ให้สัมภาษณ์ทั้งที่เป็นคณะกรรมการ วลพ. และอดีตคณะกรรมการ วลพ. แต่ความร่วมมือดังกล่าวก็ไม่ปรากฎแล้วในปัจจุบัน
192 สถาบันพระปกเกล้า สถาบันพระปกเกล้า