Page 203 - 22385_Fulltext
P. 203

การศึกษาการบังคับใช้                                                                การศึกษาการบังคับใช้
                     พระราชบัญญัติความเท่าเทียมระหว่างเพศ พ.ศ. 2558 เพื่อประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมาย      พระราชบัญญัติความเท่าเทียมระหว่างเพศ พ.ศ. 2558 เพื่อประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมาย



                         อนึ่ง ผู้ให้สัมภาษณ์ในภาคประชาสังคมบางคนเห็นว่าเป้าหมาย                       ด้วยสาเหตุหลากหลายประการ กล่าวคือ
                 หลักและกรอบการทำงานของรัฐน่าจะขับเน้นไปที่การทำความเข้าใจกับ                                   1.1) ภาครัฐให้น้ำหนักกับ “การรับเรื่องร้องเรียน” และ
                 หน่วยงานภาครัฐด้วยกันเอง จึงไม่ได้เต็มที่กับส่วนของการสร้างความรับรู้                 การวินิจฉัยการเลือกปฏิบัติผ่านกลไกคณะกรรมการ วลพ. มากกว่าการแก้ไข
                 ของสังคม แต่อย่างน้อยที่สุดกฎหมายฉบับนี้ก็ช่วยทำให้คนที่รู้ว่ามีกฎหมาย                ปัญหาในระดับโครงสร้าง ทั้งที่ก่อนปี พ.ศ. 2558 นักวิชาการและ

                 แล้วได้ตระหนักในสิทธิและความหลากหลายทางเพศของผู้อื่นมากขึ้น ทั้งคอย                   ภาคประชาสังคมที่ร่วมกันผลักดันกฎหมายต่างมุ่งหวังให้กฎหมายฉบับนี้
                 ระมัดระวังไม่ให้เกิดการเลือกปฏิบัติด้วยเหตุแห่งเพศ หรือถ้าเป็นหน่วยงาน                เป็นเครื่องมือในการส่งเสริมความเสมอภาคเป็นหลัก ซึ่งต่อมากฎหมาย

                 สถาบันการศึกษา หรือองค์กรภาครัฐการมีอยู่ของกฎหมายฉบับนี้ก็อาจมีส่วน                   กำหนดให้เป็นอำนาจหน้าที่และบทบาทของคณะกรรมการ สทพ.
                 ช่วยทำให้เกิดการปรับตัวมากกว่า เช่น คณะนิติศาสตร์ ของมหาวิทยาลัย                      (มาตรา 10) เนื่องจากเป็นช่องทางในการสร้างความเปลี่ยนแปลงเชิงนโยบาย
                 แห่งหนึ่งแก้ระเบียบการแต่งกายรับปริญญาหลังจากรู้ว่ามีกฎหมายฉบับนี้                    โครงสร้าง และกฎหมายอื่น ๆ  ในภาพรวม ซึ่งจะนำไปสู่ความเสมอภาค
                 เป็นต้น นอกจากนี้ การมีกฎหมายยังน่าจะเห็นเหตุที่ทำให้สื่อมวลชน                        และช่วยลดการเลือกปฏิบัติในสังคมได้อย่างยั่งยืน เมื่อการขับเน้นของภาครัฐ

                 สำนักต่าง ๆ เริ่มหันมาให้ความสนใจจับประเด็นนี้มากขึ้น มีการทำข่าว                     อยู่ที่การทำงานของคณะกรรมการ วลพ. ในช่วงเวลาที่ผ่านมาสถานการณ์
                 ทำสกรูปหรือกิจกรรม ซึ่งย่อมทำให้คนในสังคมตระหนักรู้ได้อีกทางหนึ่ง
                                                                                                       การเลือกปฏิบัติในประเทศไทยจึงถูกแก้ไขเป็นการเฉพาะเรื่องเฉพาะ
                   2.4  มุมมองต่อบทบาท การดำเนินงานและสภาพปัญหา                                        รายเท่านั้นผ่านคำวินิจฉัยของคณะกรรมการ วลพ. หาได้สร้าง

                 ของกลไกหลักที่กฎหมายฉบับนี้สร้างขึ้น                                                  ความเปลี่ยนแปลงในสาระสำคัญหรืออย่างเป็นมหภาคไม่ เนื่องจาก
                                                                                                       ตามกฎหมายแล้วคำวินิจฉัยของคณะกรรมการ วลพ. มีผลผูกพันเฉพาะ
                         (1)  คณะกรรมการส่งเสริมความเท่าเทียมระหว่างเพศ (สทพ.)
                                                                                                       คู่กรณีเท่านั้น มิได้ส่งผลต่อกฎหรือระเบียบที่มีปัญหาทำนองเดียวกันของ
                           ผู้ให้สัมภาษณ์ในทุกกลุ่มมีความคิดเห็นสอดคล้องไปในทาง                        หน่วยงานอื่น ๆ  ปัญหานี้ถูกสะท้อนให้เห็นอย่างเป็นรูปธรรมโดยเรื่อง
                 เดียวกันว่า แม้ตามกฎหมายแล้วคณะกรรมการ สทพ. นับเป็นกลไก                               ที่ถูกร้องเรียนมายังคณะกรรมการ วลพ. เพราะจำนวนมากเป็นการร้องเรียน
                 ที่กฎหมายเขียนให้อำนาจหน้าที่ไว้ค่อนข้างมาก อีกทั้งมีความสำคัญต่อ                     ในเรื่องเดิมหรือมีประเด็นเดียวกันกับเรื่องที่คณะกรรมการ วลพ. เคยวินิจฉัย
                 การสร้างความเปลี่ยนแปลงในระดับนโยบาย และการแก้ไขปัญหาเรื่องนี้                        ไปแล้ว ซึ่งย่อมหมายความว่าแม้คณะกรรมการ วลพ. จะเคยชี้ไว้แล้วว่ากฎ

                 ในเชิงโครงสร้างได้มากที่สุด แต่ในช่วงระยะเวลา 5 ปีของการบังคับใช้                     หรือระเบียบนั้นไม่เป็นธรรมหรือเข้าข่ายเป็นการเลือกปฏิบัติ แต่กฎระเบียบ
                 พ.ร.บ.ความเท่าเทียมฯ คณะกรรมการ สทพ. กลับมีบทบาทหรือทำหน้าที่                         ในลักษณะเดียวกันนี้ก็ยังคงใช้อยู่และทำหน้าที่เลือกปฏิบัติต่อไปในหน่วยงาน

                 น้อยที่สุดในบรรดาสามกลไกที่กฎหมายกำหนดขึ้น ซึ่งกลายเป็นปัจจัยสำคัญหนึ่ง               หรือองค์กรอื่น ๆ ที่ยังไม่เคยถูกร้องเรียนเข้ามา ซึ่งปัญหาลักษณะนี้ควรยุติ
                 ที่ทำให้กฎหมายฉบับนี้ไม่สามารถบรรลุตามเจตนารมณ์และสถานการณ์                           หรือบรรเทาลงได้ด้วยการดำเนินการภายในกรอบอำนาจหน้าที่ของ
                 การเลือกปฏิบัติด้วยเหตุแห่งเพศไม่ได้รับการแก้ไขอย่างแท้จริง ทั้งนี้                   คณะกรรมการ สทพ. (ดูมาตรา 10 (2) และ (4)) อันเป็นการแก้ไขปัญหา



            188    สถาบันพระปกเกล้า                                                                                                                  สถาบันพระปกเกล้า   189
   198   199   200   201   202   203   204   205   206   207   208