Page 212 - 22385_Fulltext
P. 212

การศึกษาการบังคับใช้                     การศึกษาการบังคับใช้
 พระราชบัญญัติความเท่าเทียมระหว่างเพศ พ.ศ. 2558 เพื่อประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมาย   พระราชบัญญัติความเท่าเทียมระหว่างเพศ พ.ศ. 2558 เพื่อประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมาย



    2.2) ด้วยเหตุที่มาตรา 18 วรรคหนึ่ง กำหนดให้เฉพาะบุคคล    เท่านั้น ในเหตุการณ์เดียวกันหรือเกี่ยวข้องสืบเนื่องกันผู้ร้องอาจถูกกระทำ
 ที่เห็นว่าตนได้รับหรือจะได้รับความเสียหายจากการกระทำในลักษณะของ  ผ่านคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายในลักษณะอื่นด้วย อย่างการถูกสั่งย้าย
 การเลือกปฏิบัติซึ่ง “ไม่ได้ใช้สิทธิฟ้องร้องเป็นคดีอยู่ในศาล หรือที่ศาล    ให้พักงาน หรือไล่ออกจากราชการ ซึ่งจำเป็นต้องร้องขอความเป็นธรรมจาก
 พิพากษาหรือมีคำสั่งเด็ดขาดแล้ว” เท่านั้น สามารถใช้สิทธิร้องเรียนมายัง  ศาลที่มีอำนาจ เพราะลำพังแต่เพียงอำนาจของคณะกรรมการ วลพ. ย่อมไม่

 คณะกรรมการ วลพ. ได้ ซึ่งต่อมาระเบียบกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ ว่าด้วย   สามารถวินิจฉัยไปถึงประเด็นหรือการกระทำที่ไม่ชอบอื่นใด หรือบังคับให้
 หลักเกณฑ์ และวิธีการในการยื่นคำร้อง การพิจารณา และการวินิจฉัย    หน่วยงานนั้นรับผู้ร้องกลับเข้าทำงานได้ เช่นนี้ จึงย่อมไม่เป็นธรรมอย่างยิ่ง

 การเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมระหว่างเพศ พ.ศ. 2559 ก็มีบทบัญญัติข้อ 5   ที่กฎหมายจะตัดสิทธิผู้ร้องเพียงเพราะเหตุที่ผู้ร้องต้องการความเป็นธรรมหรือ
 และข้อ 18 (2) ที่ออกมาสอดรับกับเรื่องนี้ ประกอบกับความใน มาตรา 18   แก้ไขเยียวยาในรูปแบบอื่นที่คณะกรรมการ วลพ. ไม่สามารถหยิบยื่นให้ได้
 วรรคสอง พ.ร.บ.ความเท่าเทียมฯ ที่ระบุว่าไม่ตัดสิทธิผู้ร้อง “ในอันที่จะฟ้อง     2.3) กระบวนการพิจารณาใช้เวลานาน และกระบวนการทำ
 เรียกค่าเสียหายฐานละเมิดต่อศาลที่มีเขตอำนาจ” ซึ่งย่อมหมายเฉพาะ    คำวินิจฉัยมีความล่าช้า จนหลายกรณีไม่สามารถให้ความเป็นธรรมได้ทันกับ

 การฟ้องเรียกค่าสินไหมทดแทนต่อศาลแพ่งเท่านั้น จึงยังผลให้การใช้    สถานการณ์ที่ผู้ร้องประสงค์จะให้คณะกรรมการ วลพ. เป็นผู้ชี้ขาด ซึ่งอาจ
 การตีความโดยคณะกรรมการ วลพ. ที่ผ่านมา หมายความรวมไปถึงกรณีที่ว่า   เป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ผู้ร้องบางคนถอนคำร้องออกไปเพราะไม่สามารถทน
 แม้บุคคลจะใช้สิทธิร้องเรียนกับคณะกรรมการ วลพ. ไว้ก่อนแล้ว แต่ถ้า    แรงกดดันจากคู่กรณีในระหว่างรอคำวินิจฉัยได้ ทั้งนี้ ตามข้อ 38 ของระเบียบ

 ในระหว่างการพิจารณาบุคคลนั้นยื่นฟ้องเรื่องเดียวกันนั้นต่อศาลอื่น (เช่น   กระทรวงการพัฒนาสังคมฯ ว่าด้วย หลักเกณฑ์ และวิธีการในการยื่นคำร้อง
 ศาลปกครอง หรือศาลแรงงาน) อีก คณะกรรมการ วลพ. ก็จะไม่มีอำนาจ  การพิจารณา และการวินิจฉัยการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมระหว่างเพศ
 รับคำร้องไว้อีกต่อไปและจะยุติการพิจารณานั้นไว้ทันที กรณีที่เคยเกิดขึ้นแล้ว   พ.ศ. 2559 กำหนดกรอบระยะเวลาในการพิจารณาและทำคำวินิจฉัยให้แล้ว

 อาทิ กรณีครูข้ามเพศต้องการใส่ชุดข้าราชการหญิงมาทำงานแต่ถูกผู้บริหาร  เสร็จไว้ค่อนข้างกว้าง กล่าวคือ โดยหลักควรต้องแล้วเสร็จภายใน 90 วัน
 ห้ามปราม ทั้งยังถูกละเมิดสิทธิในลักษณะอื่นด้วย ผู้ร้องยื่นเรื่องมายัง    แต่หากไม่เสร็จสามารถขยายเวลาได้ 2 ครั้ง ครั้งละ 30 วัน ดังนั้น รวมแล้ว
 คณะกรรมการ วลพ. แต่ในระหว่างการพิจารณาผู้ร้องนำเรื่องไปยื่นฟ้องอีก   จึงมีเวลาทั้งสิ้นราว 150 วัน อย่างไรก็ตาม หากในที่สุดแล้วคณะกรรมการ วลพ.

 คณะกรรมการ วลพ. จึงยุติเรื่องทันทีแม้ว่าการพิจารณานั้นจะเสร็จสิ้นแล้ว  ก็ยังไม่สามารถพิจารณาและวินิจฉัยได้ ก็สามารถขยายเวลาออกไปได้อีก
 และอยู่ในขั้นตอนของการทำคำวินิจฉัยก็ตาม
                   โดยไม่มีกรอบเวลา อนุบัญญัติข้อนี้ระบุไว้แต่เพียงกว้าง ๆ ว่าให้ประธาน
    ผู้ให้สัมภาษณ์ส่วนหนึ่งเห็นว่าประเด็นนี้ถือเป็นอีกหนึ่งปัญหา  กรรมการ วลพ. กำหนดมาตรการเร่งรัดให้การพิจารณาเสร็จโดยเร็วเท่านั้น

 สำคัญ เนื่องจากในความเป็นจริงแล้ว บางกรณีผู้เสียหายถูกกระทำในหลาย ๆ      ต่อประเด็นเรื่องความล่าช้านี้ ผู้ให้สัมภาษณ์หลายคนเห็น
 ลักษณะ กล่าวคือ ไม่เพียงแต่ถูกเลือกปฏิบัติที่ต้องการให้คณะกรรมการ วลพ.   ปัญหาร่วมกันว่าอาจแก้ไขค่อนข้างยาก เนื่องจากการทำคำวินิจฉัยนั้นต้องใช้
 วินิจฉัยยืนยันสิทธิและสั่งให้องค์กรหรือหน่วยงานระงับการเลือกปฏิบัติ



      สถาบันพระปกเกล้า                                            สถาบันพระปกเกล้า
   207   208   209   210   211   212   213   214   215   216   217