Page 216 - 22385_Fulltext
P. 216

การศึกษาการบังคับใช้                     การศึกษาการบังคับใช้
 พระราชบัญญัติความเท่าเทียมระหว่างเพศ พ.ศ. 2558 เพื่อประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมาย   พระราชบัญญัติความเท่าเทียมระหว่างเพศ พ.ศ. 2558 เพื่อประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมาย



 มิได้ก่อให้เกิดผลใด ๆ อย่างเป็นรูปธรรม หรือไม่ได้ก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลง       2.5) ภาระงานของคณะกรรมการ วลพ. หนักเกินไป ทั้งในแง่
 ใด ๆ ต่อสถานการณ์ที่พวกเขาถูกกระทำอย่างชัดเจน ก็อาจป่วยการที่จะมา  ของเนื้อหาการทำงาน (พิจารณาคำร้อง แสวงหาข้อเท็จจริง สืบพยาน
 ยื่นคำร้องในกลไกนี้ซึ่งพวกเขาเองต่างมีต้นทุนต้องแบกรับ หรือหากสุดท้าย  ทำคำวินิจฉัย และรายงานผล) และในแง่ของกรอบเวลาในการทำงาน
 แล้วจำเป็นต้องไปฟ้องร้องต่อศาลเองพวกเขาก็คงไม่เลือกที่จะมาใช้กลไกนี้    ซึ่งไม่สมดุลกับค่าตอบแทนและเวลาที่คณะกรรมการซึ่งส่วนใหญ่เป็น

 ตั้งแต่แรก        ผู้ทรงคุณวุฒิที่มีงานประจำของตนเองอยู่แล้วต้องทุ่มเทให้ ประเด็นนี้
                   ถูกสะท้อนจากนักวิชาการผู้ให้สัมภาษณ์ซึ่งไม่ได้เป็นคณะกรรมการ วลพ.
    ต่อประเด็นปัญหาของอำนาจในเชิงบังคับของคณะกรรมการ
 วลพ. นี้ กลุ่มผู้ให้สัมภาษณ์ซึ่งเป็นคณะกรรมการ วลพ. เองและอดีต    แต่เห็นว่าเป็นอุปสรรคและปัญหาประการหนึ่งของกลไกลนี้ด้วย เนื่องจาก

 คณะกรรมการสะท้อนเพิ่มเติมว่ามีความเกี่ยวข้องสัมพันธ์กับศักดิ์หรือลำดับ  หากตัวกลไกการทำงานเอง (อาศัยการนัดหมายและการประชุมเป็นครั้ง ๆ ไป)
 ชั้นของกฎหมายด้วย เนื่องจาก พ.ร.บ.ความเท่าเทียมฯ เป็นกฎหมายระดับ  และค่าตอบแทน (เบี้ยประชุม) ไม่เอื้อต่อการทำงาน ย่อมกระทบกับ

 พระราชบัญญัติที่อาจมีลำดับชั้นเท่ากับกฎหมายฉบับอื่น ๆ ที่หน่วยงานรัฐ    ประสิทธิภาพและความรวดเร็วในพิจารณาและวินิจฉัยคำร้อง รวมทั้งส่งผล
 ผู้ถูกร้องบังคับการหรือปฏิบัติตามอยู่ เช่นนี้ คำวินิจฉัยและคำสั่งของ    ต่อจำนวนบุคลากรผู้มีความรู้ความสามารถที่พร้อมและอยากเข้ามาทำงานด้วย
 คณะกรรมการ วลพ. ซึ่งใช้อำนาจตาม พ.ร.บ.ความเท่าเทียมฯ จึงไม่มีผล  อนึ่ง โดยกลไกของกฎหมายและลักษณะการทำงานแบบราชการที่ทำให้ต้องมี
 เป็นการลบล้างหรือเปลี่ยนแปลงกฎหมายอีกฉบับซึ่งอยู่ในลำดับชั้นเดียวกันได้   การสับเปลี่ยนหมุนเวียนตำแหน่งและบุคลากร ได้ก่อให้เกิดปัญหาในแง่ของ

 ที่ผ่านมา แม้กรณีส่วนใหญ่จะไม่ค่อยเกิดปัญหาใด ๆ ในการทำตามคำสั่ง   ความต่อเนื่องในการทำงาน และไม่สามารถสร้างความเชี่ยวชาญให้กับ
 เพราะหน่วยราชการมักให้ความร่วมมือดีหรือพร้อมแก้ไขปรับเปลี่ยน     ฝ่ายผู้บังคับใช้กฎหมายได้ ทั้งนี้ ทั้งในระดับของคณะกรรมการ และพนักงาน

 ในขณะที่หน่วยงานเอกชนไม่อยากมีปัญหา ทั้งกลัวชื่อเสียงถูกกระทบ     เจ้าหน้าที่ประจำ ซึ่งไม่น่าจะเป็นผลดีนักต่อการบังคับใช้กฎหมายฉบับนี้
 แต่ก็เกิดกรณีที่ผู้ถูกร้องไม่ทำตามคำสั่งมาแล้วเช่นกันด้วยเหตุผลในเรื่องนี้     ซึ่งเป็นเฉพาะทางและมีประเด็นละเอียดอ่อน ที่เรียกร้องความรู้ความเชี่ยวชาญ
 ซึ่งย่อมสะท้อนให้เห็นว่าในความเป็นจริงแล้วคำวินิจฉัยของคณะกรรมการ   ไม่เฉพาะแต่ด้านกฎหมายเท่านั้น แต่หมายถึงหลักความเสมอภาคเท่าเทียม
 วลพ. มีสถานะเพียง “กึ่งสภาพบังคับ” เท่านั้น และในบางกรณีนอกจาก    และประเด็นในเรื่องเพศด้วย

 ไม่ปฏิบัติตามแล้วหน่วยงานผู้ถูกสั่งการนั้นยังยื่นฟ้องต่อศาลปกครองขอให้     อย่างไรก็ตาม เสียงสะท้อนในแง่ดีของกลไกคณะกรรมการ
 เพิกถอนคำวินิจฉัยของคณะกรรมการ วลพ. ด้วย ทั้งนี้ จนถึงปัจจุบัน    วลพ. ก็มีเช่นกัน กล่าวคือ
 คณะกรรมการ วลพ. ถูกฟ้องคดีต่อศาลปกครองแล้วทั้งสิ้น 4 คดี        2.6) ผู้ให้สัมภาษณ์ในงานศึกษานี้เกือบทั้งหมดยอมรับ และ

 จากคำวินิจฉัย 4 คำร้องโดยศาลปกครองยังมิได้มีคำวินิจฉัยใด ๆ ออกมา
                   เห็นพ้องต้องกันว่าช่องทางในการรับเรื่องร้องเรียนการเลือกปฏิบัติด้วยเหตุ
                   แห่งเพศต่อคณะกรรมการ วลพ. ไม่ยุ่งยาก สะดวกรวดเร็ว และเข้าถึงง่าย




 200  สถาบันพระปกเกล้า                                            สถาบันพระปกเกล้า   201
   211   212   213   214   215   216   217   218   219   220   221