Page 223 - 22385_Fulltext
P. 223
การศึกษาการบังคับใช้ การศึกษาการบังคับใช้
พระราชบัญญัติความเท่าเทียมระหว่างเพศ พ.ศ. 2558 เพื่อประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมาย พระราชบัญญัติความเท่าเทียมระหว่างเพศ พ.ศ. 2558 เพื่อประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมาย
องค์กรที่มีการจดทะเบียนจัดตั้ง หรือมีผลงานเป็นที่ประจักษ์ชัดเจนแล้ว (4) บทบาท การดำเนินงาน และสภาพปัญหาของกรมกิจการ
เท่านั้น ซึ่งผู้ให้สัมภาษณ์หลายคนเห็นว่าไม่สอดรับกับบริบท และความตื่นตัว สตรีฯ และพนักงานเจ้าหน้าที่
ในประเด็นความเท่าเทียมระหว่างเพศในยุคสมัยปัจจุบัน ที่เริ่มมีเยาวชน ผู้ให้สัมภาษณ์ส่วนใหญ่ยังเห็นว่าที่ผ่านมา กองส่งเสริม
คนรุ่นใหม่ นักเรียน นักศึกษา หรือกลุ่มบุคคลให้ความสนใจมากขึ้น ความเสมอภาคระหว่างเพศ กรมกิจการสตรีฯ กระทรวงพัฒนาสังคมฯ และ
ทั้งมีความคิดสร้างสรรค์รูปแบบกิจกรรมใหม่ ๆ (ไม่เฉพาะแต่การประชุม พนักงานเจ้าหน้าที่ในหน่วยงานทำงานค่อนข้างหนัก และมีความตั้งใจดี
เชิงปฏิบัติการ หรือการอบรบสัมมนา) และอยากมีส่วนร่วมในการสร้าง แต่ด้วยกลไกที่ถูกออกแบบโดยกฎหมายฉบับนี้ ทัศนคติและความเข้าใจของ
ความเปลี่ยนแปลงในสังคม แต่เมื่อกลุ่มบุคคลเหล่านี้ไม่ได้มีการจัดตั้งกลุ่ม ผู้บังคับบัญชาและพนักงานเจ้าหน้าที่บางส่วน ระบบการทำงานแบบราชการ
อย่างเป็นกิจจะลักษณะ หรือจดทะเบียนก่อตั้งตามกฎหมาย (ซึ่งมีเงื่อนไข อัตราการจ้างบุคลากรที่จำเป็นต่อการทำงาน ค่าตอบแทน รวมทั้ง
ค่อนข้างยุ่งยาก) ก็ไม่มีคุณสมบัติพอที่จะมาขอรับการสนับสนุนจากกองทุนฯ งบประมาณที่ได้รับการจัดสรร ส่งผลทำให้ยังไม่สามารถกล่าวหรือประเมินได้
นี้ได้ ซึ่งผู้ให้สัมภาษณ์ตั้งข้อสังเกตว่า หากกองทุนฯ นี้เปิดกว้างมากขึ้นก็น่าจะ ว่าในช่วงเวลากว่า 5 ปีของการบังคับใช้ พ.ร.บ.ความเท่าเทียมฯ การทำงาน
เป็นประโยชน์ และทำให้ประเด็นความเท่าเทียมระหว่างเพศขยายตัว ของหน่วยงานนี้ประสบความสำเร็จ มีประสิทธิภาพ มีแนวโน้มที่จะทำให้
กว้างขวาง ประชาชนเข้าถึงและเข้าใจได้ง่ายขึ้น และโดยสืบเนื่องกัน กฎหมายฉบับนี้บรรลุเจตนารมณ์ได้ หรือก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงใด ๆ
ที่ผ่านมายังพบด้วยว่า การพิจารณาให้เงินสนับสนุนจะขับเน้นไปที่กิจกรรม อย่างมีนัยสำคัญ ประเด็นปัญหาที่ผู้ให้สัมภาษณ์กล่าวถึง ซึ่งในที่นี้หมายรวมถึง
เพียงบางลักษณะเท่านั้น ผู้ให้สัมภาษณ์ภาคประชาสังคมให้ความเห็น ผู้ให้สัมภาษณ์ที่อยู่ในฝ่ายผู้บังคับใช้กฎหมายเองด้วย มีทั้งปัญหา
สอดคล้องกับข้อมูลจากกลุ่มผู้บังคับใช้กฎหมายเอง และคณะกรรมการ การประชาสัมพันธ์และสร้างความรู้ความเข้าใจต่อสิทธิต่าง ๆ ตามกฎหมาย
บริหารกองทุนฯ ว่าโครงการที่ได้รับอนุมัติส่วนใหญ่ คือ โครงการจัดสัมมนา ฉบับนี้ยังไม่ครอบคลุมกว้างขวางเพียงพอ และหลายกรณีเข้าใจยากหรือ
และการฝึกอบรมให้ความรู้ใน 2 ประเด็น ได้แก่ พระราชบัญญัติความเท่าเทียม เป็นการสื่อสารกันเพียงเฉพาะกลุ่ม การสร้างความรับรู้ยังขับเน้นไปที่
ระหว่างเพศ พ.ศ. 2558 และความเท่าเทียมระหว่างเพศ ซึ่งอาจมีสาเหตุ หน่วยงานรัฐด้วยกันเอง หรือภาคประชาสังคมที่รู้จักคุ้นเคยหรือเป็นเครือข่าย
มาจากว่า การฝึกอบรมและสัมมนาหรือการอบรมเพื่อให้ความรู้เป็นกิจกรรม กันเท่านั้น จำนวนบุคลากรมีน้อยเกินไปไม่สมดุลกับภาระงาน และส่วนใหญ่
ที่มีรูปแบบแน่ชัด สามารถประเมินผลความสำเร็จได้อย่างเป็นรูปธรรม อยู่ที่หน่วยงานส่วนกลาง จนถึงปัจจุบันยังไม่มีพนักงานเจ้าหน้าที่ดูแลเรื่องนี้
ทั้งมีงบประมาณการจัดการที่สามารถแจกแจงรายละเอียดและตรวจสอบได้ โดยเฉพาะที่ประจำอยู่ในภูมิภาคหรือต่างจังหวัด ขาดแคลนผู้เชี่ยวชาญ
ซึ่งแน่นอนว่าสิ่งเหล่านี้ก็ต้องแลกมาด้วยปัญหาการขาดความหลากหลาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งนิติกรหรือนักกฎหมายที่มีความรู้ความเข้าใจประเด็น
ของรูปแบบกิจกรรม และอาจกลายเป็นการปิดกั้นความคิดสร้างสรรค์ ความเสมอภาคทางเพศด้วย ซึ่งมักส่งผลต่อระยะเวลาในการทำคำวินิจฉัย
แห่งยุคสมัยด้วย
การใช้การตีความกฎหมาย และการบังคับการให้เป็นไปตามคำสั่ง
ของคณะกรรมการ วลพ. ขาดมาตรการสร้างความเชี่ยวชาญให้กับ
208 สถาบันพระปกเกล้า สถาบันพระปกเกล้า 209