Page 61 - 22353_Fulltext
P. 61

ผลจากการพูดคุยเชิงลึกกับหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องและองค์กรเครือข่ายที่ดำเนินโครงการนี้

               ร่วมกันอย่างมหาวิทยาลัยราชภัฏชัยภูมิได้ข้อสรุปว่าการเชิญผู้มีสิทธิเลือกตั้งทุกคนเข้าร่วมเวทีเสวนาเป็นไป

               ไม่ได้ จำเป็นต้องเลือก เนื่องจากจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้งมีมากเกินไป ที่จะทำให้การจัดเวทีสานเสวนาหาทาง

               ออกมาอย่างมีประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตาม จำนวนของผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่จะเข้าร่วมในเวทีก็ยังขึ้นอยู่กับรูปแบบ
               กิจกรรมด้วย กล่าวคือ หากรูปแบบกิจกรรมเป็นการเสวนาที่เปิดพื้นที่ให้ทุกคนได้แสดงความคิดเห็น จำนวน

               ของผู้เข้าร่วม ไม่ควรมากเกิน 50 คนต่อเวที กระนั้น ในเวทีสานเสวนาหาทางออกของการส่งเสริมการเลือกตั้ง

               สมานฉันท์และไม่ซื้อสิทธิ์ขายเสียงที่กำหนดรูปแบบการมีส่วนร่วมไว้ด้วยวิธีการเขียนแสดงความคิดเห็นเป็น

               หลักนั้น อาจมีจำนวนผู้เข้าร่วมได้มากกว่า เนื่องจากวิธีการเขียนแสดงความคิดเห็นสามารถครอบคลุมผู้ที่มี

               ส่วนร่วมได้จำนวนมากในระยะเวลาอันสั้น ดังนั้นในการจัดเวทีสานเสวนาหาทางออกผู้วิจัยจึงได้กำหนดไว้ให้มี
               ผู้เข้าร่วมไม่เกิน 200 คนต่อเวที ซึ่งแม้จำนวนดังกล่าวยังนับเป็นสัดส่วนที่น้อยเมื่อเทียบกับจำนวนผู้มีสิทธิ์

               เลือกตั้งในพื้นที่ ทว่าก็เป็นจำนวนที่เหมาะสมกับการเสวนาและลักษณะของกิจกรรมที่จัดมากที่สุด และผู้มีสิทธิ

               ที่ได้รับเชิญมานั้นก็มาจากตัวแทนของกลุ่มต่างๆในชุมชน


                       อย่างไรก็ตาม เมื่อจำนวนผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งที่สามารถเชิญเข้าร่วมเวทีได้มีอยู่จำกัด การพิจารณาการ

               เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายจึงเป็นสิ่งสำคัญ ผลการหารือร่วมกับเครือข่ายในพื้นที่ได้ข้อเสนอแนวทางการเข้าถึง

               กลุ่มเป้าหมายไว้ 2 รูปแบบ คือ รูปแบบที่ 1 เป็นการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายโดยวิธีการสุ่ม ส่วนรูปแบบที่ 2 เป็น
               การเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายด้วยวิธีการเลือกแบบเจาะจง ซึ่งแต่ละรูปแบบก็มีข้อดีและข้อเสียแตกต่างกันไป


                       ในส่วนของการคัดเลือกกลุ่มเป้าหมายด้วยวิธีการสุ่มนั้น ข้อดีคือเป็นการเลือกผู้ที่เข้าร่วมเวทีเสวนาที่ดู

               จะสร้างความสบายใจให้แก่ผู้ที่มีสิทธิ์เลือกตั้งได้มากที่สุด กระนั้น การเลือกผู้มีสิทธิเลือกตั้งเพื่อเข้าร่วมเวทีด้วย

               การสุ่มก็มีความเสี่ยงต่อการได้มาซึ่งผู้เข้าร่วมเวทีเสวนา เนื่องจากเงื่อนไขหลายประการ ตั้งแต่เรื่องของความ

               ไม่ไว้วางใจผู้จัด ความไม่สามารถเดินทางเข้าร่วมในเวทีในเขตอำเภอเมืองได้เนื่องจากขาดรถยนต์และการ

               เดินทางไม่สะดวก รวมไปถึงประเด็นเรื่องการขาดงานซึ่งอาจทำให้ขาดรายได้ เหล่านี้เป็นปัจจัยที่อาจทำให้พวก
               เขาตัดสินใจไม่เข้าร่วมเวทีเสวนาได้ เมื่อเป็นเช่นนี้เวทสานเสวนาอาจไม่ครบองค์ประชุมได้


                       ดังนั้น ผู้วิจัยและองค์กรเครือข่ายจึงตกลงร่วมกันที่จะเลือกกลุ่มเป้าหมายซึ่งเป็นผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งเข้า

               ร่วมเวทีเสวนาด้วยวิธีการเลือกแบบเจาะจง โดยการเลือกแบบเจาะจงในที่นี้ ยังคงตั้งอยู่บนหลักวิชาการโดย

               นำเอาการแบ่งช่วงชั้นมาใช้ร่วมกันเพื่อให้ครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมายที่อยู่ในชุมชน ซึ่งในที่นี้และแบ่งออกเป็น

               8 กลุ่มเป้าหมาย ประกอบด้วย ตัวแทนภาครัฐ ในส่วนของกำนันผู้ใหญ่บ้านหรือประธานชุมชน ตัวแทนภาค

               ประชาชนผู้สนใจและกลุ่มต่างๆ ตัวแทนภาคเอกชนที่ไม่ใช่ภาครัฐ (NGOs) หรือองค์กรสาธารณะประโยชน์
               ตัวแทนสถานศึกษา ตัวแทนกลุ่มผู้ด้อยโอกาส ตัวแทนเยาวชน นักเรียน นักศึกษา ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ตัวแทน

               ศาสนา และตัวแทนจากศูนย์ส่งเสริมพัฒนาประชาธิปไตยตำบล (ศส.ปชต.) โดยในส่วนของการเรียนเชิญผู้มี





                                                                                                       60
   56   57   58   59   60   61   62   63   64   65   66