Page 59 - 22353_Fulltext
P. 59

ชัยภูมิเราไม่ได้อยู่ที่ิเงินสองร้อยสามร้อยที่เขาหยิบยื่นให้ มูลค่าของจังหวัดชัยภูมิสูงกว่าอยู่แล้วหลายร้อยเท่า

               ผมไม่ซื้อสิทธิิขายเสียงแน่นอน”


                       อย่างไรก็ตาม ในรายละเอียดของการสัมภาษณ์จะพบได้ว่าผู้สมัครรับเลือกตั้ง ยังมีท่าทีแบ่งรับแบ่งสู้
               ทั้งยังลังเลต่อการเข้าร่วมเวทีสานเสวนาและความสำเร็จของการดำเนินโครงการในการส่งเสริมการเลือกตั้งที่ไม่

               มีการซื้อสิทธิขายเสียง “พี่น่ะสนับสนุนเต็มที่ แต่คนอื่นเขาจะเอาด้วยไหมล่ะ” เป็นเสียงสะท้อนจากผู้สมัครคน

               หนึ่ง ซึ่งอันที่จริงเป็นคำพูดที่ผู้สมัครส่วนใหญ่พยายามสื่อสารออกมาแต่แตกต่างกันออกไปในเนื้อหา

               รายละเอียดเพื่อเป็นทีสอบถามผู้วิจัยว่ามีแนวทางอย่างไรในการรับมือกับผู้สมัครที่ผิดสัญญา ขณะที่ มีผู้สมัคร

               บางรายสอบถามกับผู้วิจัยโดยตรงว่าผู้วิจัยและองค์กรเครือข่ายจะมีการรับมือหรือเอาผิดกับผู้ที่จะกระทำผิด

               สัญญาอย่างไร หรือมีวิธีการอย่างไรที่จะทำให้มั่นใจได้ว่าผู้สมัครคนอื่นจะไม่กระทำผิดสัญญาและหันไปใช้เงิน

               ในการซื้อเสียง

                       จะเห็นได้ว่าแม้ว่าผู้สมัครจะรับปากว่า “ยินดี” และ “สนใจ” เข้าร่วมแลกเปลี่ยนในเวทีสานเสวนา

               หาทางออก ทว่าสุดท้ายแล้วข้อตกลงดังกล่าวก็ยังมี “เงื่อนไข” หลายอย่างที่ถูกหยิบยกขึ้นมากล่าวถึง ทั้งเรื่อง

               ของการปฏิเสธที่จะลงนามในข้อตกลงร่วมกันว่าจะไม่ซื้อสิทธิขายเสียง หรือปฏิเสธที่จะกล่าวว่าจะไม่ซื้อสิทธิ

               ขายเสียงในเวทีเสวนา “ถ้าคุณบังคับให้ผมพูด ผมทำให้งานล่มได้เลยนะ” เป็นคำพูดแกมขู่บังคับและยื่น

               ข้อเสนอไปพร้อมกันของผู้สมัครรายหนึ่งที่มีกับผู้วิจัยว่าหากต้องการชวนเขาเข้าร่วมเวทีเสวนา สิ่งหนึ่งที่ผู้วิจัย
               จะต้องไม่บังคับก็คือการขอให้เขาพูดเรื่องไม่ซื้อเสียงบนเวทีหรือลงนามข้อตกลงร่วมกันว่าจะไม่ซื้อสิทธิขาย

               เสียง ทั้งที่แท้จริงแล้วผู้วิจัยไม่ได้เสนอให้ผู้สมัครต้องมีการรับปากว่าจะไม่ซื้อสิทธิขายเสียงหรือต้องลงนามใน

               บันทึกข้อตกลงในเวทีแต่อย่างใด จึงมีความเป็นไปได้ว่าผู้สมัครมีความกังวลใจอยู่ลึกๆว่าการเข้าร่วมเวทีสาน

               เสวนานั้นอาจทำให้พวกเขาเสียเปรียบหรืออาจเสียคะแนนก็เป็นได้จึงแสดงท่าทีดังกล่าวออกมา


                       ผู้สมัครคนหนึ่งให้เหตุผลเกี่ยวกับการไม่รับปากว่าจะกล่าวถึงการไม่ซื้อสิทธิขายเสียงในเวทีเสวนาไว้ว่า
               การที่เขาปฏิเสธที่จะกระทำเช่นนั้น ไม่ใช่เพราะว่าเขาไม่เห็นด้วยกับการไม่ซื้อสิทธิขายเสียง แต่เป็นเพราะเขา

               ไม่ไว้ใจผู้สมัครคนอื่นต่างหาก ดังนั้น ถ้าไม่มีความชัดเจนว่าผู้สมัครคนอื่นๆจะเล่นตามกติกาและไม่มีการใช้เงิน

               เพื่อซื้อเสียงหรือมีแนวทางที่ผู้จัดจะรับมือกับผู้ซื้อเสียงอย่างไร ผู้สมัครคนนั้นก็ขอที่จะไม่ปฏิญาณตนว่าจะไม่ใช้

               เงินเช่นกัน เพราะสุดท้ายแล้วหากปรากฎว่าคนอื่นใช้เงิน สุดท้ายหากต้องการชนะก็ต้องแข่งกันด้วยเงิน

               เมื่อเป็นเช่นนั้นการสัญญาย่อมทำให้เขาต้องผิดสัญญากับประชาชนซึ่งเขาไม่ต้องการให้เป็นเช่นนั้น ที่เป็นเช่นนี้

               เพราะ “ชัยชนะ” เป็นสิ่งที่เขาพึงปรารถนา เพื่อเข้ามาสร้างความเปลี่ยนแปลงให้แก่ชุมชน “ผมเอาจริง เพราะ

               ผมจะเล่นครั้งนี้แค่ครั้งเดียว และผมจะทำให้เห็นว่าการเปลี่ยนแปลงจริงๆแล้วเป็นยังไง” ผู้สมัครคนนั้นกล่าว

                       นอกเหนือจากประเด็นเรื่องการแข่งขัน ชัยชนะ และการปฏิเสธที่จะสร้างข้อผูกมัด ที่ทำให้ผู้สมัครตั้ง

               คำถามและสร้างเป็นเงื่อนไขในการปฏิเสธที่จะเข้าร่วมแล้ว ยังมีประเด็นเรื่องสถานที่ในการจัดเวทีสานเสวนา




                                                                                                       58
   54   55   56   57   58   59   60   61   62   63   64