Page 71 - kpi22237
P. 71

65


               ขึ้นไปในแต่ละเขตเลือกตั้ง ซึ่งในการจัดประชุมเพื่อเลือกตัวแทนพรรคเป็นผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งนั้นต้องมีผู้มา

               เข้าร่วมประชุมไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่ง คือ 50 คน กลไกเหล่านี้ไม่ได้สะท้อนเจตนารมณ์การส่งเสริมการมีส่วนร่วม
               ผู้ที่จะลงสมัครรับเลือกตั้งก็ต้องไปรณรงค์หาสมาชิกเองเพื่อมาเลือกตัวเองเป็นผู้สมัครของพรรค อีกทั้งการจะเร่ง
               จัดตั้งสาขาพรรคหรือตัวแทนพรรคประจ าจังหวัดให้ครบทุกเขตเลือกตั้งนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ซึ่งก็จะเป็นอีกข้อจ ากัด

               หนึ่งที่ท าให้หลายพรรคการเมืองไม่สามารถส่งผู้สมัครได้ในหลายเขตเลือกตั้ง นอกจากนี้ ถึงแม้จะมีการจัดการ
               เลือกตั้งขั้นต้นและได้ผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งแล้ว แต่ในท้ายที่สุดก็ต้องมาจบที่กรรมการบริหารพรรคอีกอยู่ดี

               การเลือกตั้งขั้นต้นจึงไม่ได้สะท้อนอะไรเลย หากแต่เพิ่มขั้นตอนจากเดิม เป็นแต่เพียง “พิธีกรรม” และเมื่อพิจารณา
               จากบริบทการเมืองไทยแล้ว การก าหนดจ านวนสมาชิกพรรคในเขตเลือกตั้ง 100 คน ซึ่งต้องมาประชุมไม่น้อยกว่า

               ครึ่งหนึ่งคือ 50 คนนั้น เปิดช่องให้มีการ “จัดตั้ง” หรือมีการ “ซื้อเสียง” ตั้งแต่ในระดับสมาชิกพรรคแล้ว จึงไม่ได้
               สะท้อนคุณค่าใดๆ นักการเมืองจากพรรคขนาดใหญ่คนหนึ่งได้เปิดเผยว่า ถึงแม้ไม่มีการเลือกตั้งขั้นต้น

               พรรคการเมืองก็มีการท าโพลในระดับพื้นที่อยู่แล้ว ส ารวจประชาชนทั่วไปในเขตเลือกตั้งไม่ใช่แต่เฉพาะสมาชิก
               พรรคเท่านั้นเพื่อส ารวจว่าใครเป็นผู้สมัครที่เหมาะสมที่พรรคจะส่งผู้ลงสมัครรับเลือกตั้ง การจัดการเลือกตั้งขั้นต้น
               อาจไม่ได้สะท้อนว่าผู้สมัครที่ได้รับเลือกจะเป็นผู้สมัครที่เหมาะสมที่สุดที่พรรคจะส่งลงสมัครรับเลือกตั้ง อีกทั้งยัง

               เป็นภาระของพรรคที่ต้องจัดการ รวมไปถึงการที่สมาชิกพรรคต้องจ่ายเงินค่าสมาชิกเพื่อเป็นสมาชิกพรรคและมี
               สิทธิเลือกผู้สมัครนั้น ประชาชนพร้อมที่จ่ายเงินขนาดนั้นหรือไม่


                       ส่วนกลุ่มตัวอย่างนักการเมืองจากพรรคขนาดกลาง ได้มีการสะท้อนมุมมองที่คล้ายๆ กันกับนักการเมือง
               จากพรรคขนาดใหญ่ โดยหลักการแล้วการเลือกตั้งขั้นต้นเป็นแนวคิดที่ดี แต่ในความเป็นจริงของการเมืองไทยแล้ว

               การจะท าได้จริงต้องมาพร้อมกับความของประชาชน โดยบริบทไทยแล้ว ยังมีเรื่องที่ประชาชนต้องสนใจมากกว่า
               เรื่องการเมืองอีกหลายเรื่อง เช่น ปัญหาปากท้อง ราคาพืชผลทางการเกษตร อีกทั้งการจะเข้ามามีส่วนร่วมทางการ
               เมืองในฐานะสมาชิกพรรคก็ต้องเสียค่าสมาชิกพรรค ท าให้กระบวนการนี้อาจจะได้รับความร่วมมือน้อย ถึงแม้ว่า

               อาจจะมีคนกลุ่มหนึ่งที่ตื่นตัวเรื่องการเมือง อีกทั้งโดยเงื่อนไขของพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรค
               การเมือง พ.ศ. 2560 ที่เมื่อจัดตั้งสาขาพรรคหรือตัวแทนพรรคประจ าจังหวัดในเขตเลือกตั้งแล้วก็ต้องหาสมาชิกให้

               ได้ 100 คน ขึ้นไป นั่นหมายความว่าหากต้องการจะส่งผู้สมัครครบทั้ง 350 เขตเลือกตั้งก็ต้องหาสมาชิกพรรคให้ได้
               อย่างน้อย 35,000 คนทั่วประเทศ ซึ่งในความเป็นจริงจะต้องมากกว่านี้อีก การเลือกตั้งขั้นต้นจะใช้ได้ก็ต่อเมื่อมี

               จ านวนสมาชิกมาพอ หากแต่ในการเมืองไทย การจะหาสมาชิกพรรคหรือการจัดประชุมพรรคนั้น ก็เป็นเรื่องของ
               หัวคะแนนที่จะ “จัดตั้ง” กันมา ซึ่งในท้ายที่สุดการเลือกตั้งขั้นต้นก็จะไม่เกิดประโยชน์อะไร ในเรื่องของการ

               “จัดตั้ง” สมาชิกพรรคนั้น มีนักการเมืองจากพรรคขนาดกลางสองคนที่ได้สะท้อนถึงประสบการณ์การด าเนินการ
               จัดการเลือกตั้งขั้นต้นภายในพรรคการเมืองเองว่าก็มีลักษณะของการ “จัดตั้ง” โดยรายแรกได้เปิดเผยว่า
               ในกระบวนการเลือกตั้งขั้นต้นนั้นมีผู้สมัครอีกรายหนึ่งที่ไม่ได้แข่งขันด้วยโดยตรง แต่จัดตั้งมาเป็นทีมเพื่อแข่งขัน

               กับเขา และทีมนี้เองที่มีทุนทรัพย์ในการใช้เงิน “ซื้อ” สมาชิกพรรคได้ถึง 300-400 คน ซึ่งตัวเลขสมาชิก “จัดตั้ง”
               ที่มีอยู่ในมือนี้ก็สามารถก าหนดผลอะไรหลายๆ อย่างได้แล้ว เนื่องจากการเลือกตั้งขั้นต้นในพรรคนั้นเปิดโอกาส

               ให้ใช้โทรศัพท์และแพลตฟอร์มออนไลน์ จึงมีการโทรหาสมาชิก ปรากฏว่าไม่มีสมาชิกพรรคนั้นจริงๆ อาจจะเป็น
   66   67   68   69   70   71   72   73   74   75   76