Page 44 - kpi22228
P. 44
36
บทที่ 3
ประวัติศาสตรการตลาดการเมืองไทย
ในบทนี้จะเปนการอธิบายพัฒนาการการเลือกตั้งของไทย ภายใตรัฐธรรมนูญฉบับ 10 ธันวาคม 2475
ซึ่งมีการจัดการเลือกตั้งครั้งแรกในวันที่ 7 พฤศจิกายน 2480 จนถึงปจจุบัน จากนั้นจะไดอธิบายแนวทางการ
แสวงหาความนิยมทางการเมืองในการเมืองไทย การใชยุทธวิธีการหาความนิยมทางการเมือง จนถึงการริเริ่ม
นําเอาแนวคิดดานการตลาดมาใชในการเมือง และเพื่อศึกษาและอธิบายความเปลี่ยนแปลงของการใชกลยุทธ
การตลาดในการเมืองไทย
นอกจากนี้ ในบทนี้จะไดกลาวถึงยุคที่การใชการตลาดทางการเมืองในรูปแบบที่เขมขนมากขึ้น
โดยเฉพาะกรณีพรรคไทยรักไทย ตลอดจนประเด็นอื่น ๆ ในชวงการเมืองไทยกอนการเลือกตั้ง 24 มีนาคม 2562
3.1 พัฒนาการการหาเสียงในการเมืองไทย
3.1.1 การหาเสียงของนักการเมืองในยุคแรก (ทศวรรษ 2480 - 2500)
การเลือกตั้งทั่วไปครั้งแรกของไทยภายใตระบอบการเมืองใหมถูกจัดขึ้นภายหลังเหตุการณกบฏ
บวรเดชสิ้นสุดลง ในวันที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2476 แตการเลือกตั้งครั้งแรกนี้จัดเปนการเลือกตั้งทางออม
2
เนื่องจากบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2475 และพระราชบัญญัติวาดวยการเลือกตั้ง พ.ศ. 2475
กําหนดใหมีสมาชิกสภาผูแทนราษฎร 2 ประเภท ที่มีจํานวนเทากัน (ประเภทละ 78 คน) สมาชิกสภาผูแทน
ราษฎรประเภทที่ 1 มาจากการเลือกตั้งทางออมจากประชาชนผูสิทธิเลือกตั้งจะเลือกตัวแทนระดับตําบล ๆ
ละ 1 คนไปเลือกผูแทนราษฎรระดับจังหวัด ๆ ละ 1 คน มีวาระดํารงตําแหนง 4 ป และสมาชิกสภาผูแทน
ประเภทที่ 2 ที่มาจากการแตงตั้งโดยพระมหากษัตริยที่ระบุไวในบทเฉพาะกาลของรัฐธรรมนูญแหง
ราชอาณาจักรไทยฉบับ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2475 ที่กําหนดเงื่อนไขใหมีสมาชิกประเภทที่ 2 เพื่อทําหนาที่เปน
3
“พี่เลี้ยง”2 ใหสมาชิกจากการเลือกตั้งเปนระยะเวลา 10 ป จากนั้นจะใหมีสภาที่มาจากการเลือกตั้งเพียงอยาง
เดียว (สุธาชัย ยิ้มประเสริฐ 2551, 53)
2 ในงานศึกษาของสุธาชัย ยิ้มประเสริฐ และเว็บไซตพิพิธภัณฑรัฐสภาระบุวาการเลือกตั้งครั้งแรกของไทยคือวันที่ 15
พฤศจิกายน พ.ศ. 2476 ขณะที่นครินทร เมฆไตรรัตน (2553) ระบุวาการเลือกตั้งทางออมของประเทศเริ่มดําเนินการในวันที่
1 ตุลาคม พ.ศ. 2476 รับทราบผลการเลือกตั้งทั้งหมดวันที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2476 ดู สุธาชัย ยิ้มประเสริฐ (2551), เชษฐา
ทองยิ่ง (2564)
3 ภายหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง รัฐธรรมนูญแหงราชอาณาจักรสยาม พ.ศ. 2475 บัญญัติใหรัฐสภาเปนระบบสภาเดียว
โดยมีสมาชิก 2 ประเภท ซึ่งประเภทที่ 1 มาจากการเลือกตั้งทางออมโดยประชาชน และสมาชิกประเภทที่ 2 มาจากการ
แตงตั้งเพื่อใหทําหนาที่กลั่นกรองงานใหกับสมาชิกประเภทที่ 1 หรือเสมือนเปนพี่เลี้ยงคอยชวยเหลือดังที่ปรีดี พนมยงคได
แถลงไวตอนหนึ่งวา “...ที่เราจําตองมีสมาชิกประเภทที่ 2 ไวกึ่งหนึ่งก็เพื่อที่จะชวยเหลือผูแทนราษฎรในฐานะที่เพิ่งจะเริ่มมีการ
ปกครองแบบรัฐธรรมนูญ เรายอมทราบอยูแลววายังมีราษฎรอีกจํานวนมากที่ยังไมไดรับการศึกษาเพียงพอที่จะจัดการ