Page 96 - kpi21588
P. 96

ร่างรายงาน บทบาทของพลเมืองในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการเลือกตั้งที่ไม่สุจริตเที่ยงธรรม เพื่อพัฒนาและเสริมสร้างความเข้มแข็งของประชาธิปไตยไทย   7-4



                       ลักษณะทางวัฒนธรรมของชุมชน คือ การช่วยเหลือเกื้อกูล การมีโครงสร้างของการเป็นผู้น าและผู้ตามที่ชัดเจน

                       ท าให้ความสัมพันธ์เชิงอ านาจในการเลือกตั้งเป็นโครงสร้างแนวดิ่งระหว่างพรรคการเมือง นักการเมือง ผู้น า
                       ชุมชน และประชาชน นับตั้งแต่การเลือกตั้งในอดีตจนถึงปัจจุบัน การซื้อสิทธิขายเสียงกลายเป็นกิจกรรมทาง

                       การเมืองของกลุ่มการเมืองในพื้นที่นับตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน พัฒนาการของการซื้อสิทธิขายเสียงมีความ

                       เปลี่ยนแปลงไปในส่วนของรูปแบบและวิธีการ ที่ต้องปรับเปลี่ยนไปตามบริบท ผู้คน และกฎหมาย หากแต่สิ่งที่
                       ไม่เปลี่ยนและเป็นแกนหลักของพัฒนาการคือ การใช้เงินและการใช้ผู้น า ในอดีตที่ผ่านมาในการเลือกตั้งมีการใช้

                       เงินมากมหาศาลในช่วงโค้งสุดท้ายของการเลือกตั้งหรือที่เรียกว่าคืนหมาหอน มีการส่งสายตรวจตรา เฝ้าจับตา
                       กลุ่มผู้สนับสนุนทางการเมือง หัวคะแนน และนักการเมืองท าให้การเลือกตั้งมีการต่อสู้ ปะทะรุนแรง มีการ

                       ควบคุมหัวคะแนนฝ่ายตรงกันข้าม มีการเอาตัวหัวคะแนน ผู้น าชุมชนไปกักตัวไว้ซึ่งเป็นยุคที่มีการใช้อ านาจและ
                       อิทธิพลมาใช้ระหว่างการเลือกตั้ง บรรยากาศของการเลือกตั้งมีอิทธิพลครอบคลุมที่ท าให้ชาวบ้านเกิดความกลัว

                       การซื้อสิทธิขายเสียงจึงเป็นวิธีการที่ถือเป็นการใช้ความรุนแรงอีกรูปแบบหนึ่งของประชาชนเพราะการรับเงินมี

                       ความหมายถึงการรับปากและค ามั่นสัญญา เพราะหากไม่ปฏิบัติตามจะมีผลต่อทั้งชุมชนและผู้น าที่ท าหน้าที่ใน
                       การเป็นหัวคะแนนด้วย


                               ในยุคของการกระจายอ านาจหลังปี 2535 เป็นต้นมา การกระจายอ านาจที่น ามาสู่การเลือกตั้งใน
                       ระดับท้องถิ่น การซื้อสิทธิขายเสียงยังคงเป็นปัจจัยส าคัญในการชนะการเลือกตั้ง แต่ความเชื่อมโยงระหว่าง

                       นักการเมืองระดับท้องถิ่นกับ ส.ส.และพรรคการเมืองในพื้นที่เข้ามามีบทบาทในการสนับสนุนการเลือกตั้งระดับ
                       ท้องถิ่นเพื่อสร้างเครือข่ายฐานคะแนนเสียง ดังนั้น การซื้อสิทธิขายเสียงจึงเปรียบเสมือนการซื้อพื้นที่และการคง

                       รักษาคะแนนเสียงเพื่อการเลือกตั้งระดับชาติต่อไป ความสัมพันธ์ระหว่างนักการเมืองระดับชาติกับนักการเมือง

                       ระดับท้องถิ่นจึงเป็นความสัมพันธ์เชิงอุปถัมภ์แบบพึ่งพาซึ่งกันและกัน

                               นอกจากนี้การซื้อสิทธิขายเสียงในอดีตจะปรากฏในรูปแบบของการสัญญาว่าจะพัฒนา จะให้ทั้ง
                       สิ่งของ นโยบายที่สอดคล้องกับปัญหาและความต้องการของพื้นที่ และที่ส าคัญคือ งบประมาณ ส าหรับการ

                       พัฒนาโครงสร้างสาธารณูปโภคพื้นฐาน ซึ่งปูรากฐานของการเป็น ส.ส. นักพัฒนา อ านาจในน างบประมาณมา

                       ลงในพื้นที่จังหวัดหรือเขตเลือกตั้งของตน ภาพลักษณ์ของนักการเมืองจึงเป็นภาพลักษณ์ของผู้น าพาความเจริญ
                       และคุณภาพชีวิตมาสู่ชุมชนท าให้ความสัมพันธ์และความผูกพันระหว่างประชาชนและนักการเมืองหรือ ส.ส.ใน

                       พื้นที่มีความแนบแน่นและสร้างฐานอ านาจต่อรองต่อตัวนักการเมืองที่มีในพรรคการเมืองได้มากขึ้น

                               จนมาในยุคหลังรัฐธรรมนูญ 2540 ที่ระบบการเลือกตั้งน ามาสู่บทบาทของพรรคการเมืองและ

                       นโยบายพรรคมากขึ้น เมื่อความนิยมในตัวบุคคลกลายมาเป็นความนิยมในพรรคการเมือง ท าให้นโยบายพรรค

                       ที่ใช้ในการหาเสียงกลายเป็นสิ่งที่มีความส าคัญเพิ่มมากขึ้น แต่การซื้อสิทธิขายเสียงยังคงปรากฏอยู่เพราะ
                       กระแสพรรคที่แข่งขันกันระหว่างพรรคเก่ากับพรรคใหม่ การครองพื้นที่ท าให้เงินกลายเป็นปัจจัยส าคัญของการ

                       ช่วงชิงพื้นที่และรักษาพื้นที่ ในช่วงการเลือกตั้งยุคนี้ สิ่งที่ปรากฏชัดเจนคือการใช้นโยบายเป็นช่องทางของการ
                       สร้างความนิยม ข้อถกเถียงจ านวนมากและข้อมูลจากการสัมภาษณ์มีการมองที่แตกต่างกัน พบว่านโยบาย

                       ประชานิยมหรือนโยบายในการหาเสียงไม่ใช่เรื่องผิด เพราะผลประโยชน์ที่ได้จากนโยบายเป็นผลประโยชน์ที่คน
   91   92   93   94   95   96   97   98   99   100   101