Page 547 - kpi21298
P. 547

นอกจากนั้น จากที่คณะผู้วิจัยได้ทบทวนวรรณกรรมเกี่ยวกับหลักธรรมาภิบาลใน
                       องค์การของประเทศไทย ตั้งแต่ช่วงปี พ.ศ. 2551-2561 (ส่วนใหญ่ระดับดุษฎีนิพนธ์) คณะผู้วิจัยได้

                       พบว่าจุดร่วมสำคัญ (Key points) ของวรรณกรรมเกี่ยวกับหลักธรรมาภิบาลดังกล่าวประกอบด้วย

                       องค์ประกอบของหลักธรรมาภิบาลจำนวน 6 องค์ประกอบ คือ 1) หลักนิติธรรม 2) หลักคุณธรรม
                       3) หลักความโปร่งใส 4) หลักการมีส่วนร่วม 5) หลักความรับผิดชอบ และ 6) หลักความคุ้มค่า ตาม

                       แนวคิดหลักธรรมาภิบาล 6 ประการของสำนักนายกรัฐมนตรี (2542) ซึ่งสามารถแสดงให้เห็นว่าแม้

                       ระเบียบฯ ดังกล่าว จะถูกยกเลิกไปแล้ว แต่แนวคิดของการศึกษาองค์ประกอบของหลักธรรมาภิบาลก็
                       ยังคงตั้งอยู่บนฐานแนวคิดตามหลัก 6 ประการของสำนักนายกรัฐมนตรี (2542) ซึ่งเป็นเพราะแนวคิด

                       องค์ประกอบหลักธรรมาภิบาล 6 ประการดังกล่าวนั้น เป็นแนวคิดพื้นฐานของหลักธรรมาภิบาลที่

                       ตั้งอยู่บนฐานคติของหลักธรรมาภิบาลสากล เซ่น หลักธรรมาภิบาลของธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่ง
                       เอเชีย (ADB, 1995) 5 หลักการ คือ หลักความรับผิดชอบ หลักการมีส่วนร่วม หลักความโปร่งใส หลัก

                       ความสามารถคาดการณ์ได้ และความเชื่อมโยงระหว่างองค์ประกอบทั้ง 4 หรือจากหลักการของ

                       UNESCAP (2008) ที่มี 8 ประการ คือ การมีส่วนร่วม หลักนิติธรรม ความโปร่งใส ความรับผิดชอบ
                       ความเห็นพ้องต้องกัน ความเป็นธรรมและความครอบคลุม ประสิทธิภาพ และประสิทธิผล และความ

                       พร้อมรับผิด

                                 อย่างไรก็ตาม คณะผู้วิจัยได้มีข้อสังเกตว่า องค์ประกอบและตัวชี้วัดหลักธรรมาภิบาลไม่
                       ว่าจะเป็นตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการบริหารกิจการบ้านเมืองและสังคมที่ตี พ.ศ.

                       2542 หรือพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี พ.ศ. 2546 ก็

                       ตาม ล้วนแต่เป็นหลักการที่รับมาจากธรรมาภิบาลสากล อันเนื่องมาจากวิกฤติเศรษฐกิจ พ.ศ. 2540 ที่
                       ทำให้รัฐบาลไทยมีความจำเป็นต้องรับความช่วยเหลือทางการเงินจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ

                       (International Monetary Fund: IMF, 1997) และธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งเอเชีย (Asian

                       Development Bank: ADB, 1995) ทำให้ผูกติดเงื่อนไขสำคัญในการที่จะต้องรับเอาแนวคิด
                       ธรรมาภิบาลดังกล่าวเข้ามากำหนดในการบริหารจัดการภาครัฐให้เป็นรูปธรรม  แต่จากความซับซ้อน

                       และความหลากหลายในบริบทขององค์กร ทำให้การสร้างหลักธรรมาภิบาลตัวแบบเดียวแล้วนำไปใช้

                       กับทุกองค์กร (One-Size-Fits-AU) นั้นเป็นไปไม่ได้ เพราะแต่ละองค์กรล้วนมีความแตกต่างใน
                       ลักษณะของการปฏิบัติภารกิจ อีกทั้งแต่ละประเทศหรือองค์กรก็ล้วนแต่มีความแตกต่างในบริบทและ

                       ประวัติศาสตร์ชาติของตนเอง เช่น สิ่งใดสิ่งหนึ่งที่ดีในประเทศแถบเอเชีย แต่อาจจะไม่เหมาะกับ

                       ประเทศอื่นในแถบแอฟริกา (Grindle, 2010) ซึ่งจะเห็นได้จากการที่องค์กรในต่างประเทศอีกจำนวน
                       มากกลับมีการตีความธรรมาภิบาลในแบบของตนเอง ดังเช่น JICA ของประเทศญี่ป่นจะตีความ

                       ธรรมาภิบาลในเซิงประสิทธิภาพของรัฐในการบริหารและการตอบสนองความต้องการของประชาชน

                       รวมทั้งแนวการพัฒนาที่ยั่งยืน การมีส่วนร่วมและความยุติธรรมทางสังคม ซึ่งเป็นการตีความที่แตกต่าง
                       จากแนวคิดธรรมาภิบาลของอเมริกาอย่างเห็นได้ชัด




                                                      โครงการวิจัยพัฒนาฐานข้อมูลองค์ความรู้ด้านธรรมาภิบาล (Phase 2)   511
   542   543   544   545   546   547   548   549   550   551   552