Page 549 - kpi21298
P. 549
2) ความยืดหยุ่นของเกณฑ์การให้ค่าคะแนนของตัวชี้วัด คณะผู้วิจัยมีข้อเสนอแนะว่า
เกณฑ์การให้ค่าคะแนนของตัวชี้วัดในเครื่องมือที่ใช้ในการประเมินองค์กรทั้ง 4 รูปแบบนั้น หน่วยงาน
ที่เกี่ยวข้องอาจทำการปรับเปลี่ยนเกณฑ์การให้ค่าคะแนนของตัวชี้วัด ตลอดจนเกณฑ์การแปลผลค่า
คะแนนการประเมิน เช่น อาจทำให้อยู่ในรูปของแบบมาตราส่วนประมาณค่า แต่ทั้งนี้คณะผู้วิจัยได้
เสนอแนะเพิ่มเติมในประเด็นดังกล่าวนี้ถึงการใช้รูปแบบของเกณฑ์การให้ค่าคะแนนของตัวชี้วัด
ตลอดจนเกณฑ์การแปลผลค่าคะแนนการประเมิน ที่มีลักษณะ/รูปแบบเดียวกันทั้งหมด เพื่อความ
สะดวกในการเก็บรวบรวมข้อมูล และการเปรียบเทียบผลการประเมินขององค์กรประเภทเดียวกัน
และระหว่างองค์กรประเภทต่าง ๆ ได้
3) การปรับปรุงดัชนีวัดในอนาคต ซึ่งโดยภาพรวมแล้วดัชนีตัวชี้วัดที่คณะผู้วิจัยได้จัดทำ
นี้สามารถใช้ได้เหมาะสมอยู่ โดยสามารถใช้ได้ทั้งระดับหน่วยงานกลุ่มงานและระดับภาพรวม
เนื่องจากคณะผู้วิจัยได้มีการนำไปยืนยันความเหมาะสมซึ่งสามารถสะท้อนภาพรวมของการบริหาร
จัดการที่ดีขององค์กรประเภทต่าง ๆ ที่ได้รับรางวัลธรรมาภิบาลทั้งองค์กรภาครัฐ องค์กรภาคเอกชน
(ธุรกิจ) องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น องค์กรไม่แสวงผลกำไรก็สามารถใช้ได้ ผู้ที่นำไปใช้ยังสามารถ
ปรับปรุงดัชนีวัดบางตัวเพื่อให้สอดคล้องกับพันธกิจหลักของประเภทหน่วยงานนั้น ๆ เพิ่มเติม
6.2 ข้อเสนอแนะในการนำไปใช้
1) การนำเครื่องมือแบบสอบถามชุดต่าง ๆ ไปใช้ในการประเมินธรรมาภิบาลการบริหาร
จัดการขององค์กรประเภทต่างๆ ควรต้องทำการศึกษาและเข้าใจในความหมายของตัวชี้วัดและสาระ
ของแบบสอบถามก่อน นอกจากนี้กระบวนการประเมินควรมีบุคลากรภายนอกหรือผู้เชี่ยวชาญทำ
หน้าที่ในการประเมิน เพื่อให้เกิดความน่าเชื่อถือและลดความมีอคติในการประเมิน ในระยะต่อไปหาก
เครื่องมือที่ในประเมินดังกล่าวนั้นมีประโยชน์ต่อการพัฒนาระดับธรรมาภิบาล องค์กรที่เกี่ยวข้องอื่นๆ
ก็สามารถที่จะนำเครื่องมือดังกล่าวนี้ไปใช้ในการประเมินตนเอง
2) การจัดเก็บข้อมูล และการวิเคราะห์ข้อมูล คณะผู้วิจัยมีข้อเสนอแนะว่า การใช้ข้อมูล
จากแบบสอบถามเพื่อสะท้อนการบริหารจัดการที่ดีในภาพรวมแต่เพียงอย่างเดียวนั้นอาจทำให้เกิด
การเข้าใจผิดจากความเป็นจริงได้หากไม่มีการตรวจสอบความถูกต้องในการจัดเก็บข้อมูล ซึ่งหากจะ
ทำการวัดผลการบริหารจัดการที่ดีในภาพรวม คณะผู้วิจัยขอเสนอว่า การวัดการบริหารจัดการที่ดีที่มี
ประสิทธิผลควรเป็นการดำเนินการทั้งการวิจัยเชิงคุณภาพและปริมาณ กล่าวคือการสัมภาษณ์
ผู้เกี่ยวข้อง การจัดการประชุมกลุ่ม การสังเกตต่าง ๆ เพราะจะได้ข้อมูลที่ ครอบคลุม และยืนยันผล
การศึกษาเชิงปริมาณ และช่วยในการอภิปรายผลการศึกษาได้ดีอีกด้วย
3) กลุ่มเป้าหมายในการประเมิน เนื่องจากการประเมินที่จะได้ผลลัพธ์มีความน่าเชื่อถือ
ควรต้องทำการสำรวจจากกลุ่มตัวอย่างที่เกี่ยวข้อง โดยจะต้องทำการสำรวจจากผู้บริหาร หัวหน้ากลุ่ม
งานทุกกลุ่มและเจ้าหน้าที่ระดับปฏิบัติงานที่เกี่ยวข้อง นอกจากนี้ยังควรสำรวจจากหัวหน้าหรือ
โครงการวิจัยพัฒนาฐานข้อมูลองค์ความรู้ด้านธรรมาภิบาล (Phase 2) 513