Page 96 - kpi21190
P. 96

96



























                     ภาครัฐกับภาคธุรกิจมีเครื่องมือเชิงสถาบันมากมาย เช่น กฎหมาย กองกำลังติดอาวุธ
                        ภาครัฐกับภาคธุรกิจมีเครื่องมือเชิงสถาบันมากมาย เช่น กฎหมาย กองก้าลังติดอาวุธ สถาบันการศึกษา
                        สถาบันทางการเงิน เครื่องมือในการสื่อสาร แต่ภาคประชาชนหรือภาคสังคม ซึ่งเป็นภาคส้าคัญที่สุด เพราะคือ
               สถาบันการศึกษา สถาบันทางการเงิน เครื่องมือในการสื่อสาร แต่ภาคประชาชนหรือ
                        ส่วนที่จะเกิดประโยชน สุขหรือไม่ กลับอ่อนแอและไม่มีเครื่องมือเชิงสถาบันเลย ก็เหมือนกับกฎทาง ิสิกส ส่วน
               ภาคสังคม ซึ่งเป็นภาคสำคัญที่สุด เพราะคือส่วนที่จะเกิดประโยชน์สุขหรือไม่ กลับอ่อนแอและ
                        ที่มีมวลอ้านาจมากคือภาครัฐและภาคทุน ก็จะดึงทรัพยากรต่างๆ เข้าหาตัว ภาพสังคมที่มีอ้านาจน้อยก็ไม่
               ไม่มีเครื่องมือเชิงสถาบันเลย ก็เหมือนกับกฎทางฟิสิกส์ส่วนที่มีมวลอำนาจมากคือภาครัฐและ

                        สามารถมีส่วนในทรัพยากรส่วนรวมได้อย่างเป็นธรรม อ้านาจดึงดูดของโครงสร้างนี้แรงมาก เกินกว่าที่กรรม
                 ภาครัฐกับภาคธุรกิจมีเครื่องมือเชิงสถาบันมากมาย เช่น กฎหมาย กองก้าลังติดอาวุธ สถาบันการศึกษา
               ภาคทุน ก็จะดึงทรัพยากรต่าง ๆ เข้าหาตัว ภาคสังคมที่มีอำนาจน้อยก็ไม่สามารถมีส่วน
                        ส่วนบุคคลจะต้านได้ ในระบบรัฐกับระบบทุนก็ใช่ว่าจะไม่มีคนที่มีจิตใจดีและรักความเป็นธรรม แต่พลังส่วน
                 สถาบันทางการเงิน เครื่องมือในการสื่อสาร แต่ภาคประชาชนหรือภาคสังคม ซึ่งเป็นภาคส้าคัญที่สุด เพราะคือ
               ในทรัพยากรส่วนรวมได้อย่างเป็นธรรม อำนาจดึงดูดของโครงสร้างนี้แรงมาก เกินกว่าที่
                        บุคคลเทียบไม่ได้เลยกับแรงดึงดูดของโครงสร้างอ้านาจ
                 ส่วนที่จะเกิดประโยชน สุขหรือไม่ กลับอ่อนแอและไม่มีเครื่องมือเชิงสถาบันเลย ก็เหมือนกับกฎทาง ิสิกส ส่วน
                              ถ้าเชื่อตามท ษฎีแรงดึงดูดทรัพยากรของโครงสร้างอ้านาจที่เหลื่อมล้้า ก็จะเห็นชัดเจนว่าหลักการของ

               กรรมส่วนบุคคลจะต้านได้ ในระบบรัฐกับระบบทุนก็ใช่ว่าจะไม่มีคนที่มีจิตใจดีและรักความเป็น
                 ที่มีมวลอ้านาจมากคือภาครัฐและภาคทุน ก็จะดึงทรัพยากรต่างๆ เข้าหาตัว ภาพสังคมที่มีอ้านาจน้อยก็ไม่
                        การลดความเหลื่อมล้้า คือส่งเสริมเพิ่มอ้านาจทางสังคมให้เสมอกัน ดังภาพ เป็นสังคมสมานุภาพ หมายถึง
               ธรรม แต่พลังส่วนบุคคลเทียบไม่ได้เลยกับแรงดึงดูดของโครงสร้างอำนาจ
                 สามารถมีส่วนในทรัพยากรส่วนรวมได้อย่างเป็นธรรม อ้านาจดึงดูดของโครงสร้างนี้แรงมาก เกินกว่าที่กรรม
                        สังคมที่มีอานุภาพหรืออ้านาจเท่ากัน หรือจะให้ดียิ่งขึ้นคือสมานกัน หมายถึงอ้านาจรัฐ อ้านาจเงิน และอ้านาจ
                 ส่วนบุคคลจะต้านได้ ในระบบรัฐกับระบบทุนก็ใช่ว่าจะไม่มีคนที่มีจิตใจดีและรักความเป็นธรรม แต่พลังส่วน
                     ถ้าเชื่อตามทฤษฎีแรงดึงดูดทรัพยากรของโครงสร้างอำนาจที่เหลื่อมล้ำ ก็จะเห็นชัดเจนว่า
                        สังคมสมานกัน
                 บุคคลเทียบไม่ได้เลยกับแรงดึงดูดของโครงสร้างอ้านาจ
               หลักการของการลดความเหลื่อมล้ำ คือส่งเสริมเพิ่มอำนาจทางสังคมให้เสมอกัน ดังภาพ เป็น

                       ถ้าเชื่อตามท ษฎีแรงดึงดูดทรัพยากรของโครงสร้างอ้านาจที่เหลื่อมล้้า ก็จะเห็นชัดเจนว่าหลักการของ
               สังคมสมานุภาพ หมายถึงสังคมที่มีอานุภาพหรืออำนาจเท่ากัน หรือจะให้ดียิ่งขึ้นคือสมานกัน


                 การลดความเหลื่อมล้้า คือส่งเสริมเพิ่มอ้านาจทางสังคมให้เสมอกัน ดังภาพ เป็นสังคมสมานุภาพ หมายถึง
               หมายถึงอำนาจรัฐ อำนาจเงิน และอำนาจสังคมสมานกัน
                 สังคมที่มีอานุภาพหรืออ้านาจเท่ากัน หรือจะให้ดียิ่งขึ้นคือสมานกัน หมายถึงอ้านาจรัฐ อ้านาจเงิน และอ้านาจ
                 สังคมสมานกัน


         Keynote Speaker
   91   92   93   94   95   96   97   98   99   100   101