Page 374 - kpi21190
P. 374
374
ไม่ได้ส่งผู้สมัครลงชิงชัยเลยแม้แต่เขตเดียว โดยเหตุผลนอกจากเรื่องงบประมาณที่มีไม่เพียง ในครั้งนี้ตระกูลโต๊ะมีนาก็หันไปจับมือกับตระกูลอับดุลบุตรที่เคยเป็นคู่แข่งทางการเมืองมาตลอด
พอแล้ว พวกเขามองว่าการเกิดขึ้นของพรรคประชาชาติที่สามารถเป็นตัวแทนของชาวมลายูมุสลิม ตั้งแต่มีการเลือกตั้งในยุคแรกๆ เป็นต้นมา นอกจากนั้นแล้วในช่วงเวลานี้ยังพบเห็นถึงกระแสของ
ในพื้นที่ชายแดนใต้หรือปาตานีได้แล้วนั้น ก็ไม่มีความจำเป็นใดๆ ที่พรรคประชาธรรมจะส่ง กลุ่มภาคประชาสังคม กลุ่มสตรี และเยาวชนที่หันเข้ามาสู่พื้นที่การเมืองมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
ผู้สมัครลงไปแข่งขันอีก (อุสมาน ดาโอะ, 2562) สถานการณ์ที่ผ่านมาทำให้มีกลุ่มขับเคลื่อนภาคประชาสังคมที่มีการเคลื่อนไหวประเด็นทางสังคม
มาตลอด กระทั่งกลุ่มเหล่านี้ค่อยๆ ผันตัวเข้าสู่กลุ่มการเมือง โดยเฉพาะกลุ่มที่เป็นทนายความ
ในช่วงเวลานับตั้งแต่ พ.ศ. 2547 เป็นต้นมา เกิดการรัฐประหารจำนวน 2 ครั้ง โดยครั้ง อาสาเพื่อสังคมสังกัดมูลนิธิศูนย์ทนายความมุสลิม 4 ท่าน ที่เข้าสู่พรรคการเมือง 4 พรรค
ล่าสุดนั้นใช้เวลายาวนานกว่า 5 ปี กว่าจะเข้าสู่กระบวนการเลือกตั้งในครั้งใหม่ ในช่วงเวลานี้ โดยได้รับชัยชนะถึง 2 ท่าน โดยท่านหนึ่งสังกัดพรรคพลังประชารัฐ และอีกท่านสังกัดพรรค
นักการเมืองถูกจำกัดบทบาทไม่ให้มีกิจกรรมทางการเมืองใดๆ แต่ในช่วงเวลานี้เองสิ่งที่นักการเมือง ประชาชาติ ส่วนอีกสองท่านที่ไม่ได้รับชัยชนะ สังกัดพรรคภูมิใจไทยและพรรคอนาคตใหม่
มลายูมุสลิมยังคงดำเนินต่อ คือ หน้าที่ของการเป็นตัวเชื่อมหรือตัวกลางเมื่อชาวบ้านต้องการ ถือเป็นเรื่องที่น่าสนใจไม่น้อย
ความช่วยเหลือ นักการเมืองยังคงเป็นตัวช่วยในการเชื่อมต่อกับหน่วยงานของรัฐในหลายๆ ครั้ง
นอกจากนั้นนักการเมืองบางคนก็กลับไปประกอบอาชีพตามที่ตนสามารถทำได้ เช่น ครูสอน ในการเลือกตั้งใน พ.ศ. 2562 นี้ ยังเห็นถึงอีกหนึ่งพัฒนาการที่สำคัญคือ การที่กลุ่มที่เคย
ศาสนา ทนายความ หรือ นักธุรกิจ เป็นต้น และนักการเมืองอีกหลายท่านก็หันไปสู่การทำงานใน เป็นขบวนการต่อสู้ เริ่มมีท่าทีในการสนับสนุนพื้นที่ทางการเมืองอย่างเด่นชัดมากขึ้น แม้ว่าในช่วง
องค์กรภาคประชาสังคมที่ทำงานเพื่อชุมชน (เด่น โต๊ะมีนา, 2562) ก่อนหน้า พ.ศ. 2547 จะพบว่าแกนนำคนสำคัญของกลุ่มขบวนการฯ ที่ฝ่ายความมั่นคงต้องการ
พบตัวมากที่สุดในเวลานี้ ก็เคยเป็นหนึ่งในหัวคะแนนคนสำคัญให้กับกลุ่มการเมืองในพื้นที่
แต่หนึ่งพัฒนาการในช่วงเวลานี้ที่สำคัญคือ การเกิดขึ้นของกลุ่มดะวะห์ (เชิญชวนสู่ความดี) ซึ่งข้อมูลนี้ได้รับการยืนยันจากวงสนทนากลุ่มทั้งวงของนักการเมืองและนักวิชาการ/ภาคประชา-
นักการเมือง ในนามกลุ่มดะวะห์ตับลิฆ ปชป. ที่เป็นพื้นที่การรวมตัวของกลุ่มนักการเมืองส่วน สังคม แต่ก็มองได้ว่าเป็นในแง่ของปัจเจกมากกว่าระดับองค์กรโดยรวม ขณะที่ในปีในการเลือกตั้ง
ใหญ่จากพรรคประชาธิปัตย์ในพื้นที่ชายแดนใต้ ซึ่งใช้โอกาสที่ว่างเว้นจากการเมืองหันเข้าสู่ ล่าสุดนี้ มีข้อมูลระบุชัดถึงการสนับสนุนพรรคการเมืองหนึ่งของสมาชิกคนสำคัญบางท่านในกลุ่ม
แนวทางศาสนาเพื่อขัดเกลาตนเอง และยังเป็นโอกาสให้ยังได้อยู่กับประชาชน โดยการออกดะวะห์ มาราปาตานี ซึ่งเป็นองค์กรร่มของขบวนการต่อสู้ปลดปล่อยปาตานีที่กำลังดำเนินการพูดคุย
ของคนกลุ่มนี้ก็ถูกมองว่าเป็นดะห์วะห์การเมืองมากกว่าทำไปเพราะความต้องการในด้านการ สันติภาพ/สันติสุขกับตัวแทนของรัฐบาลไทยในเวลานี้ อย่างไรก็ตาม ในแง่ของแนวคิดแล้วแม้ว่า
ขัดเกลาทางศาสนา แต่กลุ่มนักการเมืองกลุ่มนี้มองว่า การเข้าร่วมในการดะห์วะห์ครั้งนี้พวกตน เมื่อฟังดูแล้ว เป้าหมายของนักการเมืองและกลุ่มขบวนการต่อสู้จะต้องการในสิ่งที่คล้ายคลึงกัน
จะพยายามไม่ใช้โอกาสในการหาเสียงผ่านการขึ้นพูดในโอกาสต่างๆ และปฏิบัติตามกฎที่ทาง ในความต้องการเห็นการพัฒนาของพื้นที่ หากแต่ว่าวิธีการที่จะไปให้ถึงเป้าหมายของทั้งสองกลุ่ม
กลุ่มดะห์วะห์ได้ตั้งไว้อย่างเคร่งครัด สำหรับพวกเขาแล้วนี่คือโอกาสในการขัดเกลาตนเองในด้าน มีความแตกต่างกัน
ศาสนา (เจะอามิง โตะยาหยง, 2562)
จากข้อมูลทั้งหมด จึงทำให้เห็นว่า ความเป็นนักการเมืองในพื้นที่ชายแดนใต้มีลักษณะ
เมื่อเข้าสู่การเลือกตั้ง พ.ศ. 2562 ก็มีพัฒนาการของประเด็นที่น่าสนใจ คือการเกิดขึ้นของ ที่เฉพาะ ซึ่งต้องปรับตัวให้สอดคล้องกับทั้งการเมืองไทยและสถานการณ์ในพื้นที่ใปพร้อมๆ กัน
พรรคประชาชาติที่ได้รวมเอานักการเมืองที่เป็นสมาชิกกลุ่มวาดะห์เดิมบางส่วนซึ่งก็ถือเป็น การเป็นนักการเมืองมลายูมุสลิม เป็นทั้งโอกาสที่จะได้รับเสียงจากคนมลายูมุสลิมส่วนใหญ่
ส่วนใหญ่หากเทียบกับผู้ที่ไม่เข้าร่วม ตลอดจนรวบรวมเอานักการเมืองที่เคยได้รับเลือกตั้งของ ในพื้นที่ แต่ก็เป็นข้อท้าทายสำหรับการเป็นตัวแทนของชนกลุ่มน้อยที่อยู่ในพื้นที่ขัดแย้งของ
พื้นที่ชายแดนใต้เอาไว้ด้วยกัน แม้ว่าจะมีจุดยืนที่ต้องการเป็นพรรคการเมืองระดับชาติ แต่จะเห็น สังคมไทยโดยรวมด้วยเช่นกัน
ว่าในการหาเสียงบริเวณพื้นที่ชายแดนใต้ พรรคประชาชาติประกาศชัดเจนว่าเป็น “พรรคของ
บ้านเรา” (Parti Rumah Kita) นอกจากนั้นยังเป็นพรรคการเมืองที่มีการถกเถียงว่า ใช้มิติของ โอกาสและข้อท้าทายของการเป็นนักการเมืองมลายูมุสลิมในพื้นที่
ศาสนา ตลอดจนมิติของอัตลักษณ์ความเป็นมลายู ในการขับเคลื่อนอย่างเห็นได้ชัด ในแง่นี้แล้ว ชายแดนใต้
บทความที่ผ่านการพิจารณา มลายูและสังคมไทยก็ตามแต่ มีความสำคัญสำหรับการเมืองในพื้นที่อย่างเห็นได้ชัด มีนัยสำคัญต่อการเป็นนักการเมืองที่จะได้รับเสียงคะแนนเลือกตั้งจนชนะเพื่อเข้าไปเป็นตัวแทน
จะพบว่า ในหลายๆ สถานการณ์ “อัตลักษณ์” ไม่ว่าจะเป็นมลายู หรือ มุสลิม ท่ามกลางสังคม
หากพิจารณาข้อมูลที่กล่าวไว้ข้างต้น จะพบว่า อัตลักษณ์ของความเป็นมลายูมุสลิม
ขณะเดียวกันในช่วงเวลาดังกล่าวนี้ ยังเห็นถึงการแตกของพรรคการเมืองกับการย้ายสังกัด
ของประชาชนในสภาผู้แทนราษฎร แม้ว่าก่อนปี พ.ศ. 2562 ปรากฏให้เห็นถึงสมาชิกสภาผู้แทน
พรรคของนักการเมืองมลายูมุสลิมหลายๆ คน โดยเฉพาะสายตระกูลโต๊ะมีนา ที่หันไปสู่พรรค
ภูมิใจไทยเป็นหลัก แต่บางท่านเลือกไปลงสมัครในนามพรรคเพื่อไทย และเขยตระกูลโต๊ะมีนาอีก
ราษฎรที่เป็นชาวพุทธ แต่ในการเลือกตั้งครั้งล่าสุดจะพบว่าสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทั้ง 11 เขต
2 ท่าน เลือกไปอยู่กับพรรคประชาธิปัตย์และพรรคชาติไทยพัฒนา ขณะเดียวกันการเลือกตั้ง
ล้วนแล้วแต่เป็นคนมลายูมุสลิมทั้งสิ้น ซึ่งเป็นครั้งแรกในรอบหลายปี แม้ว่าจะผสมผสานกัน