Page 375 - kpi21190
P. 375

375



 ไม่ได้ส่งผู้สมัครลงชิงชัยเลยแม้แต่เขตเดียว โดยเหตุผลนอกจากเรื่องงบประมาณที่มีไม่เพียง  ในครั้งนี้ตระกูลโต๊ะมีนาก็หันไปจับมือกับตระกูลอับดุลบุตรที่เคยเป็นคู่แข่งทางการเมืองมาตลอด
 พอแล้ว พวกเขามองว่าการเกิดขึ้นของพรรคประชาชาติที่สามารถเป็นตัวแทนของชาวมลายูมุสลิม  ตั้งแต่มีการเลือกตั้งในยุคแรกๆ เป็นต้นมา นอกจากนั้นแล้วในช่วงเวลานี้ยังพบเห็นถึงกระแสของ
 ในพื้นที่ชายแดนใต้หรือปาตานีได้แล้วนั้น ก็ไม่มีความจำเป็นใดๆ ที่พรรคประชาธรรมจะส่ง   กลุ่มภาคประชาสังคม กลุ่มสตรี และเยาวชนที่หันเข้ามาสู่พื้นที่การเมืองมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
 ผู้สมัครลงไปแข่งขันอีก (อุสมาน ดาโอะ, 2562)   สถานการณ์ที่ผ่านมาทำให้มีกลุ่มขับเคลื่อนภาคประชาสังคมที่มีการเคลื่อนไหวประเด็นทางสังคม
                  มาตลอด กระทั่งกลุ่มเหล่านี้ค่อยๆ ผันตัวเข้าสู่กลุ่มการเมือง โดยเฉพาะกลุ่มที่เป็นทนายความ
 ในช่วงเวลานับตั้งแต่ พ.ศ. 2547 เป็นต้นมา เกิดการรัฐประหารจำนวน 2 ครั้ง โดยครั้ง  อาสาเพื่อสังคมสังกัดมูลนิธิศูนย์ทนายความมุสลิม 4 ท่าน ที่เข้าสู่พรรคการเมือง 4 พรรค
 ล่าสุดนั้นใช้เวลายาวนานกว่า 5 ปี กว่าจะเข้าสู่กระบวนการเลือกตั้งในครั้งใหม่ ในช่วงเวลานี้  โดยได้รับชัยชนะถึง 2 ท่าน โดยท่านหนึ่งสังกัดพรรคพลังประชารัฐ และอีกท่านสังกัดพรรค
 นักการเมืองถูกจำกัดบทบาทไม่ให้มีกิจกรรมทางการเมืองใดๆ แต่ในช่วงเวลานี้เองสิ่งที่นักการเมือง  ประชาชาติ ส่วนอีกสองท่านที่ไม่ได้รับชัยชนะ สังกัดพรรคภูมิใจไทยและพรรคอนาคตใหม่
 มลายูมุสลิมยังคงดำเนินต่อ คือ หน้าที่ของการเป็นตัวเชื่อมหรือตัวกลางเมื่อชาวบ้านต้องการ  ถือเป็นเรื่องที่น่าสนใจไม่น้อย
 ความช่วยเหลือ นักการเมืองยังคงเป็นตัวช่วยในการเชื่อมต่อกับหน่วยงานของรัฐในหลายๆ ครั้ง
 นอกจากนั้นนักการเมืองบางคนก็กลับไปประกอบอาชีพตามที่ตนสามารถทำได้ เช่น ครูสอน  ในการเลือกตั้งใน พ.ศ. 2562 นี้ ยังเห็นถึงอีกหนึ่งพัฒนาการที่สำคัญคือ การที่กลุ่มที่เคย

 ศาสนา ทนายความ หรือ นักธุรกิจ เป็นต้น และนักการเมืองอีกหลายท่านก็หันไปสู่การทำงานใน  เป็นขบวนการต่อสู้ เริ่มมีท่าทีในการสนับสนุนพื้นที่ทางการเมืองอย่างเด่นชัดมากขึ้น แม้ว่าในช่วง
 องค์กรภาคประชาสังคมที่ทำงานเพื่อชุมชน (เด่น โต๊ะมีนา, 2562)   ก่อนหน้า พ.ศ. 2547 จะพบว่าแกนนำคนสำคัญของกลุ่มขบวนการฯ ที่ฝ่ายความมั่นคงต้องการ
                  พบตัวมากที่สุดในเวลานี้ ก็เคยเป็นหนึ่งในหัวคะแนนคนสำคัญให้กับกลุ่มการเมืองในพื้นที่
 แต่หนึ่งพัฒนาการในช่วงเวลานี้ที่สำคัญคือ การเกิดขึ้นของกลุ่มดะวะห์ (เชิญชวนสู่ความดี)   ซึ่งข้อมูลนี้ได้รับการยืนยันจากวงสนทนากลุ่มทั้งวงของนักการเมืองและนักวิชาการ/ภาคประชา-
 นักการเมือง ในนามกลุ่มดะวะห์ตับลิฆ ปชป. ที่เป็นพื้นที่การรวมตัวของกลุ่มนักการเมืองส่วน  สังคม แต่ก็มองได้ว่าเป็นในแง่ของปัจเจกมากกว่าระดับองค์กรโดยรวม ขณะที่ในปีในการเลือกตั้ง

 ใหญ่จากพรรคประชาธิปัตย์ในพื้นที่ชายแดนใต้ ซึ่งใช้โอกาสที่ว่างเว้นจากการเมืองหันเข้าสู่  ล่าสุดนี้ มีข้อมูลระบุชัดถึงการสนับสนุนพรรคการเมืองหนึ่งของสมาชิกคนสำคัญบางท่านในกลุ่ม
 แนวทางศาสนาเพื่อขัดเกลาตนเอง และยังเป็นโอกาสให้ยังได้อยู่กับประชาชน โดยการออกดะวะห์  มาราปาตานี ซึ่งเป็นองค์กรร่มของขบวนการต่อสู้ปลดปล่อยปาตานีที่กำลังดำเนินการพูดคุย
 ของคนกลุ่มนี้ก็ถูกมองว่าเป็นดะห์วะห์การเมืองมากกว่าทำไปเพราะความต้องการในด้านการ  สันติภาพ/สันติสุขกับตัวแทนของรัฐบาลไทยในเวลานี้ อย่างไรก็ตาม ในแง่ของแนวคิดแล้วแม้ว่า
 ขัดเกลาทางศาสนา แต่กลุ่มนักการเมืองกลุ่มนี้มองว่า การเข้าร่วมในการดะห์วะห์ครั้งนี้พวกตน   เมื่อฟังดูแล้ว เป้าหมายของนักการเมืองและกลุ่มขบวนการต่อสู้จะต้องการในสิ่งที่คล้ายคลึงกัน
 จะพยายามไม่ใช้โอกาสในการหาเสียงผ่านการขึ้นพูดในโอกาสต่างๆ และปฏิบัติตามกฎที่ทาง   ในความต้องการเห็นการพัฒนาของพื้นที่ หากแต่ว่าวิธีการที่จะไปให้ถึงเป้าหมายของทั้งสองกลุ่ม
 กลุ่มดะห์วะห์ได้ตั้งไว้อย่างเคร่งครัด สำหรับพวกเขาแล้วนี่คือโอกาสในการขัดเกลาตนเองในด้าน  มีความแตกต่างกัน

 ศาสนา (เจะอามิง โตะยาหยง, 2562)
                       จากข้อมูลทั้งหมด จึงทำให้เห็นว่า ความเป็นนักการเมืองในพื้นที่ชายแดนใต้มีลักษณะ
 เมื่อเข้าสู่การเลือกตั้ง พ.ศ. 2562 ก็มีพัฒนาการของประเด็นที่น่าสนใจ คือการเกิดขึ้นของ  ที่เฉพาะ ซึ่งต้องปรับตัวให้สอดคล้องกับทั้งการเมืองไทยและสถานการณ์ในพื้นที่ใปพร้อมๆ กัน
 พรรคประชาชาติที่ได้รวมเอานักการเมืองที่เป็นสมาชิกกลุ่มวาดะห์เดิมบางส่วนซึ่งก็ถือเป็น   การเป็นนักการเมืองมลายูมุสลิม เป็นทั้งโอกาสที่จะได้รับเสียงจากคนมลายูมุสลิมส่วนใหญ่
 ส่วนใหญ่หากเทียบกับผู้ที่ไม่เข้าร่วม ตลอดจนรวบรวมเอานักการเมืองที่เคยได้รับเลือกตั้งของ  ในพื้นที่ แต่ก็เป็นข้อท้าทายสำหรับการเป็นตัวแทนของชนกลุ่มน้อยที่อยู่ในพื้นที่ขัดแย้งของ

 พื้นที่ชายแดนใต้เอาไว้ด้วยกัน แม้ว่าจะมีจุดยืนที่ต้องการเป็นพรรคการเมืองระดับชาติ แต่จะเห็น  สังคมไทยโดยรวมด้วยเช่นกัน
 ว่าในการหาเสียงบริเวณพื้นที่ชายแดนใต้ พรรคประชาชาติประกาศชัดเจนว่าเป็น “พรรคของ
 บ้านเรา” (Parti Rumah Kita) นอกจากนั้นยังเป็นพรรคการเมืองที่มีการถกเถียงว่า ใช้มิติของ  โอกาสและข้อท้าทายของการเป็นนักการเมืองมลายูมุสลิมในพื้นที่
 ศาสนา ตลอดจนมิติของอัตลักษณ์ความเป็นมลายู ในการขับเคลื่อนอย่างเห็นได้ชัด ในแง่นี้แล้ว
 จะพบว่า ในหลายๆ สถานการณ์ “อัตลักษณ์” ไม่ว่าจะเป็นมลายู หรือ มุสลิม ท่ามกลางสังคม  ชายแดนใต้
 มลายูและสังคมไทยก็ตามแต่ มีความสำคัญสำหรับการเมืองในพื้นที่อย่างเห็นได้ชัด
                       หากพิจารณาข้อมูลที่กล่าวไว้ข้างต้น จะพบว่า อัตลักษณ์ของความเป็นมลายูมุสลิม
 ขณะเดียวกันในช่วงเวลาดังกล่าวนี้ ยังเห็นถึงการแตกของพรรคการเมืองกับการย้ายสังกัด  มีนัยสำคัญต่อการเป็นนักการเมืองที่จะได้รับเสียงคะแนนเลือกตั้งจนชนะเพื่อเข้าไปเป็นตัวแทน  บทความที่ผ่านการพิจารณา
 พรรคของนักการเมืองมลายูมุสลิมหลายๆ คน โดยเฉพาะสายตระกูลโต๊ะมีนา ที่หันไปสู่พรรค  ของประชาชนในสภาผู้แทนราษฎร แม้ว่าก่อนปี พ.ศ. 2562 ปรากฏให้เห็นถึงสมาชิกสภาผู้แทน
 ภูมิใจไทยเป็นหลัก แต่บางท่านเลือกไปลงสมัครในนามพรรคเพื่อไทย และเขยตระกูลโต๊ะมีนาอีก   ราษฎรที่เป็นชาวพุทธ แต่ในการเลือกตั้งครั้งล่าสุดจะพบว่าสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทั้ง 11 เขต
 2 ท่าน เลือกไปอยู่กับพรรคประชาธิปัตย์และพรรคชาติไทยพัฒนา ขณะเดียวกันการเลือกตั้ง   ล้วนแล้วแต่เป็นคนมลายูมุสลิมทั้งสิ้น ซึ่งเป็นครั้งแรกในรอบหลายปี แม้ว่าจะผสมผสานกัน
   370   371   372   373   374   375   376   377   378   379   380