Page 276 - kpi21190
P. 276
276
แต่เป็นการพูดถึงเพศในทางวัฒนธรรมและสังคมด้วย เช่น การพูดถึงอัตลักษณ์ทางเพศ หรือ
เพศสภาพ (sexual identity/ gender identity) หรือรสนิยมทางเพศที่มีความหลากหลาย
(sexual orientation) ซึ่งรสนิยมทางเพศไม่ได้ยึดโยงกับอัตลักษณ์ทางเพศ (sexual identity)
ความเปิดกว้างในการระบุไว้ในรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2550 ทำให้การรับรู้เรื่องเพศนั้นมีความเปิดกว้าง
ซึ่งมันได้ขยายไปสู่การเลือกปฏิบัติด้วยเหตุแห่งเพศ อย่างไรก็ตามในรัฐธรรมนูญปี 2560
ความหมายของคำว่า “เพศ” กลับกลายมาเป็นแบบเดิม คือในแง่ของเพศในทางชีววิทยา
เท่านั้น กล่าวคือมีการเขียนเพียงบุคคลย่อมเสมอกัน ชายหญิงเท่าเทียมกัน ซึ่งทำให้คนหลาย
คนที่ไม่สามารถถูกจัดวางว่าเป็นชายหรือหญิงถูกตัดสินจากเพศของเขาเนื่องจากความเชื่อว่า
โลกนี้มีสองเพศ การกล่าวอ้างเบื้องต้นทำให้คนที่อยู่นอกกล่องเพศในทางชีววิทยา เช่น เกย์
เลสเบี้ยน กระเทย ทอม คนข้ามเพศ ฯลฯ กลายเป็นคนที่แตกต่าง ถูกกีดกัน และเลือกปฏิบัติ
ด้วยเหตุแห่งเพศ เนื่องจากคนยังขาดความรู้ในเรื่องความหลากหลายทางเพศในสังคมไทย
ซึ่งทำให้ต้องคิดกันต่อว่าระบบการศึกษาไทยนั้นสอนให้คนเข้าใจเรื่องความหลากหลายทางเพศ
มากแค่ไหน เนื่องจากคนเหล่านี้ถูกทำให้เป็นชายขอบ ไม่สามารถเข้ามาอยู่ในศูนย์กลางทาง
สังคมได้ และนำมาซึ่งการถูกเลือกปฏิบัติ อันนำมาสู่การสร้างทัศนคติด้านลบในภาพลักษณ์
ภายนอก และสร้างมายาคติต่อคนที่เป็นเพศที่สาม จนก่อให้เกิดการปฏิบัติต่อเพศที่สาม
ไม่ดีนัก
ในรายงานวิจัยเรื่อง “Social Experience of Trans-people in Thailand” พบว่าเพศที่สาม
พบเจอปัญหาหลักสองประการ คือ 1.) การยอมรับจากครอบครัว เนื่องจากไม่ถูกยอมรับ
ถูกกดดันจากครอบครัว 2.) โอกาสทางด้านศึกษา คนเหล่านี้ไม่อยากอยู่ในการศึกษาที่อยู่ใน
ระบบ เนื่องจากถูกครอบด้วยความคิดว่าเพศมีเพียงชายและหญิง (binary system) ที่ชัดเจน
ทำให้การอยู่ในกรอบของโรงเรียนมีความลักลั่นและไม่มีความสุข
จากที่กล่าวมาจะเห็นได้ว่าปัญหาหลักคือเมื่อสังคมไม่ยอมรับกลุ่มคนที่มีความหลากหลาย
ทางเพศ คนทำนโยบายของรัฐไม่ได้ยอมรับและยังไม่เข้าใจ กรอบงานของรัฐยังเอื้อแค่เพศ
สองเพศเท่านั้นสิ่งเหล่านี้ ก่อให้เกิดช่องว่างในการสร้างเสริมสิทธิของคนข้ามเพศ จนกลายเป็น
ความเหลื่อมล้ำทางเพศขึ้น ดังนั้นในการสร้างนโยบายภาครัฐใด ๆ หากขาดความละเอียดอ่อน
ในเรื่องทางเพศ/วัฒนธรรมความเป็นเพศ ในแง่ของโครงสร้างทางสังคม ความลื่นไหลทางเพศ
กล่องความเป็น ก็จะทำให้เกิดปัญหาขึ้น เพราะสิทธิในการนิยามตัวเองเป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งใน
สังคมไทยพบว่าอำนาจทางวิทยาศาสตร์การแพทย์ ศาสนา ยังมีอำนาจในการกำหนดนโยบาย
ที่ยังกีดกันความเข้าใจในเรื่องความหลากหลายทางเพศอยู่ ซึ่งหากประชากรที่อยู่ในประเทศ
การประชุมกลุ่มย่อยที่ 4 เหล่านี้จะถูกแก้โดยประชาชนหรือนโยบายจากระดับบนของรัฐ เป็นคำถามที่อาจารย์ทิ้งไว้ให้
ไม่ได้แค่เพียงชายหรือหญิงแบบที่ถูกจัดวางในกล่องเพศแล้ว ปัญหาจะถูกแก้โดยใคร ปัญหา
ทุกคนขบคิดต่อ