Page 108 - kpi21190
P. 108
108
ระบอบประชาธิปไตยสันนิษฐานว่าคนในสังคมที่ความไม่เท่าเทียมและมีความร่ำรวยน้อยกว่า
คนรวยหรือโดยเฉพาะสถาบันการปกครองที่ใช้เสียงคนส่วนใหญ่จะสนับสนุนประชาธิปไตย
น้อยกว่าและมีการต่อต้านเผด็จการน้อยกว่าคนจนต่อต้าน จากนั้นเราจะเห็นกรณีศึกษา
ในเอเชียตะวันออกหรือเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ตามแนวทางในทฤษฎีทั้งสามนี้
หลักฐานจากประเทศในเอเชียตะวันออกที่แตกต่างกันซึ่งพบว่ามีคุณสมบัติที่น่าสนใจ
ที่เป็นผลมาจากความเหลื่อมล้ำของรายได้ที่สูงมากแต่เป็นผู้มั่งคั่งกลับเป็นผู้สนับสนุนระบอบ
ประชาธิปไตยมากกว่า (ไม่น้อยกว่า) และต่อต้านเผด็จการมากกว่า (ไม่น้อยกว่า) กลุ่มคนจน
หนึ่งในทฤษฎีหลักที่เสนอโดยนักเศรษฐศาสตร์คนหนึ่งมีความไม่สอดคล้องกันในทางปฏิบัติ
ได้แก่ ทฤษฎีประชาธิปไตยกับการแจกจ่ายทรัพยากร (ทฤษฎีที่ 1) หรือทฤษฎีพึ่งตนเอง
ตามระบอบประชาธิปไตย (ทฤษฎีที่3)การที่คนรวยสนับสนุนการตรวจสอบ และถ่วงดุลถือเป็น
หลักการสำคัญของระบอบเสรีประชาธิปไตยและจะสอดคล้องกับแนวทางของทฤษฎีการแข่งขัน
ระดับชนชั้นสูง (ทฤษฎีที่ 2)
หลักฐานจากประเทศในทวีปเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะหลักฐานจากประเทศ
ที่มีความเท่าเทียมกันในเอเชียตะวันออกซึ่งรวมถึงประเทศญี่ปุ่น ประเทศเกาหลีใต้
รวมถึงไต้หวัน ทั้งสามกรณีของแต่ละประเทศแม้จะมีความเหลื่อมล้ำของรายได้ต่ำและ
มีความมั่งคั่งไม่แตกต่างกันมากระหว่างคนจนกับคนรวยโดยทั้งสองกลุ่มสนับสนุนสถาบัน
ประชาธิปไตยและการต่อต้านการปกครองแบบเผด็จการในระดับที่เท่าๆกัน ในกรณีความ
เหลื่อมล้ำทางรายได้ต่ำคือประเทศที่มีรายได้สูงพบว่าอิทธิพลของการเติบโตทางเศรษฐกิจ
สามารถลดความแตกต่างของรายได้ในสังคมได้ ในประเทศที่มีความไม่เท่าเทียมกันของรายได้
น้อยกว่ามีความขัดแย้งในการจัดการน้อยกว่ามีการให้ความสำคัญกับค่านิยมและความเชื่อใน
สังคมตามระดับการศึกษาที่ดูเหมือนจะมีบทบาทสำคัญในการสร้างทัศนคติต่อระบอบการเมือง
เอกสารประกอบการอภิปรายร่วมระหว่างผู้แทนจากต่างประเทศ
นี่คือหลักฐานจากกรณีศึกษาในเอเชียตะวันออกที่เห็นได้ชัดจากข้อมูลและหลักฐานทั้งหมด
ผมคิดว่าน่าสนใจมากที่ได้พบว่าการใช้ชีวิตในประเทศที่ไม่เท่าเทียมแต่ร่ำรวย เช่น สิงคโปร์
มีผลกระทบในทางลบโดยชี้ให้เห็นว่าการพัฒนาทางเศรษฐกิจทำให้ผู้คนหันหลังให้กับการเลือกตั้ง
และการปกครองแบบเสรีแบบประชาธิปไตย แทนที่จะเป็นประเทศที่ไม่เท่าเทียมแต่มั่งคั่ง
น้อยกว่า เช่น อินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ และพบอีกว่าการใช้ชีวิตในประเทศที่เท่าเทียมกันและ
ร่ำรวย อย่างเช่น ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ไต้หวัน กลับมีผลในเชิงบวกซึ่งหมายความว่าการพัฒนาทาง
เศรษฐกิจทำให้มีความเหลื่อมล้ำของรายได้ลดลงทำให้คนสนใจการเลือกตั้งและการปกครอง
แบบเสรีประชาธิปไตยมากขึ้น แทนที่จะเป็นประเทศที่ไม่เท่าเทียมและมั่งคั่งน้อยกว่า
อีกประเด็นหนึ่ง ประการที่หนึ่ง น่าสนใจมากในการใช้ชีวิตในประเทศที่ไม่มี
ความเท่าเทียมแต่ร่ำรวยหรือประเทศที่มีความเท่าเทียมกันแต่ร่ำรวยน้อยกว่ามีผลทางลบโดยชี้
ให้เห็นว่าการพัฒนาทางเศรษฐกิจโดยลดความไม่เท่าเทียมทำให้ประชาชนหันหลังให้กับ
เผด็จการ ประการที่สอง คือการใช้ชีวิตในประเทศที่เท่าเทียมและมั่งคั่งแทนที่จะเป็นประเทศที่