Page 107 - kpi21190
P. 107

107



                       ระดับความเหลื่อมล้ำของรายได้มีมากขึ้นไปทั่วภูมิภาคในช่วงสองทศวรรษที่ผ่านมา

                  ได้แก่ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ไต้หวัน อินโดนีเซีย มองโกเลีย สิงคโปร์ ทั้งหมดนี้มีแนวโน้ม
                  ความเหลื่อมล้ำของรายได้ที่อยู่ในระดับสูง ในทางตรงกันข้าม ประเทศฟิลิปปินส์ ประเทศ
                  มาเลเซีย และประเทศไทยมีแนวโน้มรายได้เหลื่อมล้ำลดลง อย่างไรก็ตามระดับของความ
                  เหลื่อมล้ำของรายได้ก็ยังคงสูงอยู่ ช่วงหลังๆ มานี้เราได้เห็นกระบวนการสร้างประชาธิปไตย

                  และความไม่เท่าเทียมกันทางรายได้ที่เพิ่มสูงขึ้นในเอเชียตะวันออก คำถามสำหรับช่วงปี
                  ค.ศ. 1990 - 1999 จึงสำคัญเพื่อเชื่อมโยงความไม่เท่าเทียมกันทางเศรษฐกิจและระบอบ
                  ประชาธิปไตยในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเพื่อประเมินผลความเท่าเทียมกันทางเศรษฐกิจว่ามีผล
                  ต่อการเมืองและสถาบันทางการเมืองอย่างไร มีหลายวิธีในการจัดการผลกระทบทางการเมือง

                  จากความไม่เท่าเทียมกันทางสังคม ประการแรกให้มุ่งเน้นไปที่ผลกระทบของการกระจาย
                  ทรัพยากร ประการที่สองคือความเสมอภาคของการปกครองและระบอบประชาธิปไตยโดยใส่ใจ
                  ในเรื่องความมั่นคงและความอยู่รอดของประชาธิปไตย สุดท้ายคือการดำเนินการกระบวนการ
                  สร้างประชาธิปไตย นักเศรษฐศาสตร์การเมืองใช้คำถามนี้เพื่อระบุผลทางการเมืองและ

                  ทางเศรษฐกิจต่อระบอบประชาธิปไตย

                       ดังที่ได้กล่าวไว้แล้วว่าการเมืองในเอเชียตะวันออกและรายได้ที่เพิ่มขึ้นอย่างมากมาย
                  พร้อมกับความเหลื่อมล้ำด้านรายได้ที่สูงขึ้นในภูมิภาคในช่วงปี ค.ศ. 1990-1999 เป็นเรื่องสำคัญ
                  ยิ่งขึ้นที่ต้องเข้าใจความเชื่อมโยงระหว่างความไม่เท่าเหลื่อมล้ำและความเป็นประชาธิปไตยทั่วทั้ง

                  ภูมิภาคเอเชียตะวันออก มีกรณีที่น่าสนใจสำหรับการเปรียบเทียบระหว่างเศรษฐกิจและ
                  การเมือง เนื่องจากมีทฤษฎีหนึ่งที่มุ่งเน้นไปที่ความสัมพันธ์ภายในการพัฒนาเศรษฐกิจและ
                  ประชาธิปไตย และอีกทฤษฎีหนึ่งเน้นด้านความเหลื่อมล้ำและประชาธิปไตย โดยส่วนใหญ่
                  เชื่อว่ากระบวนการสร้างประชาธิปไตยนั้นมีโอกาสสำเร็จน้อยที่สุดเมื่อความเหลื่อมล้ำในสังคม

                  อยู่ในระดับสูง แต่สำหรับกรณีในภูมิภาคเอเชียตะวันออกมีข้อยกเว้นที่น่าสนใจอย่างมากเพราะ
                  มีหลายประเทศมีตัวอย่างทั้ง 2 แบบ ตัวอย่างเช่น แนวคิดที่ว่าเมื่อประชาธิปไตยมีระดับ
                  น้อยที่สุดเมื่อความไม่เท่าเทียมสูงที่จะเห็นได้จากตัวอย่างกรณีของประเทศเกาหลีใต้ ไต้หวัน
                  มาเลเซีย สิงคโปร์ แต่ในทางกลับกันแนวทางนี้ไม่สามารถยืนยันกรณีในประเทศอินโดนีเซีย

                  ซึ่งมีประชาธิปไตยแต่ความไม่เท่าเทียมสูงได้

                       สามทฤษฎีที่สำคัญ ๆ หนึ่งในนั้นเรียกว่าทฤษฎีประชาธิปไตยกับการกระจายทรัพยากร
                  ที่สันนิษฐานว่าในสังคมที่ไม่เท่าเทียมกันและความแตกต่างกันด้านรายได้ระหว่างคนจนและ

                  คนรวยจะทำให้เกิดการสร้างประชาธิปไตยได้น้อยกว่าโดยเฉพาะอย่างยิ่งสถาบัน                   เอกสารประกอบการอภิปรายร่วมระหว่างผู้แทนจากต่างประเทศ
                  การปกครองที่เกิดจากเสียงของคนส่วนใหญ่และคนรวยต่อต้านการปกครองแบบเผด็จการ
                  น้อยกว่าคนจนต่อต้านตามทฤษฎีนี้เป็นกรณีที่ความไม่เท่าเทียมสูง ทฤษฎีที่สองเรียกว่าทฤษฎี
                  การแข่งขันระดับชนชั้นสูงสันนิษฐานว่าในสังคมที่ไม่เท่าเทียมกันคนรวยหรือโดยเฉพาะอย่างยิ่ง
                  สถาบันที่มีความรับผิดชอบต่อคนส่วนใหญ่จะสนับสนุนระบอบประชาธิปไตยในขณะเดียวกัน

                  คนรวยก็ต่อต้านเผด็จการมากกว่าคนยากจนต่อต้าน และสุดท้ายคือทฤษฎีพึ่งตนเองตาม
   102   103   104   105   106   107   108   109   110   111   112