Page 15 - kpi20899
P. 15
“การถอดบทเรียนชุมชนเพื่อการปฏิรูปกระบวนการจัดการทรัพยากร : พลวัตแห่งการมีส่วนร่วมในการจัดการทรัพยากรน ้า
ในพื นที่ต้าบลหนองพันจันทร์ อ้าเภอบ้านคา จังหวัดราชบุรี” โดย ดร.ปริชัย ดาวอุดม และนายเจษฎา เนตะวงศ์
ต้าบลหนองพันจันทร์ อ้าเภอบ้านคา จังหวัดราชบุรี เป็นชุมชนที่มีวิถีการเกษตรมาตั้งแต่อดีต
มีประวัติศาสตร์ความเป็นชุมชนอย่างเป็นพลวัต ภายใต้อุดมการณ์การพัฒนาไปสู่ความทันสมัย ชุมชนได้มี
การปรับตัวเพื่อรองรับกับสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง วิถีชีวิตและวิถีการผลิตของ
ชุมชนถูกปรับเปลี่ยนไปตามยุคสมัยของการพัฒนา ปัจจุบันชุมชนได้มีการบริหารจัดการทรัพยากรน้้าจาก
อ่างเก็บน้้าห้วยมะหาด โดยมีอ้านาจในการตัดสินใจเกี่ยวกับการจัดการทรัพยากรน้้าอย่างเป็นระบบ
สะท้อนให้เห็นการพัฒนากระบวนการประชาธิปไตยในชุมชน ที่ถูกน้ามาใช้ในการแก้ไขปัญหาความต้องการ
การใช้น้้าที่เพียงพอและทั่วถึง โดยมีชาวบ้านเป็นแกนหลัก ขณะที่บทบาทของหน่วยงานรัฐเป็นเพียง
ผู้อ้านวยความสะดวกเมื่อเกิดปัญหาเชิงเทคนิค การบริหารจัดการทรัพยากรน้้าที่เกิดขึ้นบนพื้นฐานของการ
มีอ้านาจในการตัดสินใจจากชุมชนและการมีส่วนร่วมจากสมาชิกในชุมชน จึงสะท้อนให้เห็นเงื่อนไขของการ
ตื่นรู้ของชุมชนที่น้าเอาทุนทางสังคมมาใช้ในการแก้ไขปัญหาและการจัดการทรัพยากรน้้าเพื่อการเกษตร
อย่างมีประสิทธิภาพ ปรากฏการณ์การใช้น้้าและการจัดการทรัพยากรน้้าภายในชุมชน จึงเป็นปรากฏการณ์
ที่ไม่หยุดนิ่ง มีการเปลี่ยนแปลงไปตามระบบความสัมพันธ์ภายใต้โครงสร้างเศรษฐกิจ สังคม การเมือง
ซึ่งแต่เดิมนั้นชุมชนมีการใช้และจัดการทรัพยากรน้้าโดยพึ่งพาอยู่กับธรรมชาติ ภายใต้ความสัมพันธ์ของ
ชุมชนที่อยู่อาศัยกันแบบเกื้อกูล ทั้งนี้ด้วยปฏิสัมพันธ์กับโครงสร้างภายนอก การเปลี่ยนแปลงด้านการ
พัฒนาที่มีพลวัตรได้ส่งผลให้รัฐเข้ามามีบทบาทในการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติภายในชุมชน มีการ
พัฒนาระบบชลประทานขนาดใหญ่ ซึ่งด้าเนินไปบนการมีอ้านาจเหนือกว่าของรัฐในการบริหารจัดการ
ทรัพยากร หากแต่ยังตอบสนองความต้องการที่จ้าเป็นและเพียงพอของชุมชนในการท้าการเกษตร
ไม่เพียงพอ จนน้ามาสู่การปรับตัวและการต่อรองกับรัฐโดยกระบวนการของชุมชน จนน้ามาสู่การใช้
ประโยชน์จากน้้าอย่างมีประสิทธิภาพ เพียงพอต่อความต้องการของชุมชนทั้งในการบริโภคและการท้า
เกษตร
ภาพสะท้อนกระบวนการบริหารจัดการทรัพยากรน้้าที่เกิดขึ้นในชุมชนหนองพันจันทร์ จึงไม่ใช่
เพียงเกษตรกรมีน้้าส้าหรับการเกษตรอย่างทั่วถึงและเพียงพอ หากแต่ได้สะท้อนให้เห็นพลังสร้างสรรค์
(creativity power) ที่มีอยู่ภายในมนุษย์ ที่ไม่ยอมหยุดนิ่งต่อข้อจ้ากัดของทรัพยากร หากแต่ได้สร้างสรรค์
กระบวนการจัดการ ต่อสู้/ต่อรอง ร่วมมือกับทั้งคนในชุมชนเองและกับหน่วยงานภาครัฐและภาคส่วนอื่นๆ
ที่อยู่บนพื้นฐานของประชาธิปไตย สอดคล้องกับเป้าหมายของการปฏิรูปตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักร
ไทย พ.ศ.2560 มาตรา 258 ที่มุ่งให้เกิดระบบบริหารจัดการทรัพยากรน้้าที่มีประสิทธิภาพ เป็นธรรมและ
ยั่งยืน โดยค้านึงถึงความต้องการใช้น้้าในทุกมิติ รวมทั้งความเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมและสภาพ
14