Page 13 - kpi20899
P. 13

“การถอดบทเรียนชุมชนเพื่อการปฏิรูปกระบวนการจัดการทรัพยากร : พลวัตแห่งการมีส่วนร่วมในการจัดการทรัพยากรน ้า
                      ในพื นที่ต้าบลหนองพันจันทร์ อ้าเภอบ้านคา จังหวัดราชบุรี”  โดย  ดร.ปริชัย ดาวอุดม และนายเจษฎา เนตะวงศ์







               ประเทศและโลกในช่วงสองทศวรรษที่ผ่านมามีการขยายตัวของภาคเศรษฐกิจและอุตสาหกรรม ท้าให้ความ

               ต้องการใช้น้้าเพิ่มปริมาณมากขึ้นเป็นทวีคูณ โดยเฉพาะน้้าเพื่อการเกษตรและการผลิตพลังงาน ท้าให้

               น้้าบริสุทธิ์กลายเป็นสิ่งล้้าค่ามากขึ้น สอดคล้องกับการประมาณการของสถาบันจัดการน้้าระหว่างประเทศ

               (IWMI) ที่ระบุว่าในราวปี ค.ศ.2025 ประชากร 4,000 ล้านคน ใน 48 ประเทศ (2 ใน 3 ของประชากรโลก)

               จะเผชิญกับปัญหาความขาดแคลนน้้า ในขณะที่ธนาคารโลกประมาณการว่า 30 ปีข้างหน้า ประชากร

               ครึ่งหนึ่งของโลกจะประสบกับภาวะขาดแคลนน้้าหากยังคงมีการใช้น้้าที่ฟุ่มเฟือยอย่างเช่นในปัจจุบัน

               (อ้างถึงใน WWF-Thailand, 2017)


                       ในส่วนของสังคมไทยการที่มีรากฐานมาจากการเป็นสังคมเกษตรกรรม มีการเพาะปลูกพืชและ

               เลี้ยงสัตว์มาตั้งแต่อดีต ทรัพยากรน้้ากับสังคมไทยจึงเป็นสิ่งที่ผูกพันกันมาอย่างยาวนาน แม้ว่าบางปีฝนตก

               ชุกต่อเนื่องก่อให้เกิดความเสียหาย น้้าท่วมบ้านเรือน พืชผลทางการเกษตร บางปีฝนแล้งเป็นเหตุให้ปริมาณ

               น้้าในแม่น้้า ห้วย หนอง หรืออ่างเก็บน้้าต่างๆ มีปริมาณน้้าไม่เพียงพอต่อความต้องการ ส่งผลให้เกิดวิกฤต

               การขาดแคลนน้้า ก่อให้เกิดวัฒนธรรมประเพณีและภูมิปัญญาที่หลากหลายในการดูแล แบ่งปัน ป้องกัน

               และแก้ไขปัญหาที่เกิดจากการอยู่กับน้้าและใช้น้้า ตราบจนปัจจุบันปัญหาเหล่านี้ก็ยังคงเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นและ

               และมีความซับซ้อนมากขึ้น จนกลายเป็นปัญหาในการแย่งชิงทรัพยากรน้้าหรือปัญหาภัยพิบัติต่างๆ นานา

               ตามมา การจะแก้ไขปัญหาดังกล่าวจ้าเป็นต้องอาศัยการบริหารจัดการทั้งปริมาณและคุณภาพที่มีความ

               สลับซับซ้อนมากยิ่งขึ้น  โดยการมีส่วนร่วมของทุกฝ่ายซึ่งเป็นการท้างานแบบช่วยกันคิด ค้นหารูปแบบ

               วิธีด้าเนินการอย่างบูรณาการ อันจะน้าไปสู่เป้าหมายของการใช้ประโยชน์และรักษาทรัพยากรน้้าอย่างมี

               ประสิทธิภาพ


                       ประเทศไทยมีพื้นที่ 321.2 ล้านไร่ เป็นพื้นที่การเกษตร 149.2 ล้านไร่ การพัฒนาที่ผ่านมาได้มีการ

               พัฒนาพื้นที่ชลประทานรวม 30.22 ล้านไร่ คิดเป็นร้อยละ 20 ของพื้นที่การเกษตร นอกนั้นอีกประมาณ

               120 ล้านไร่ หรือกว่าร้อยละ 80 จะเป็นพื้นที่นอกเขตชลประทานที่ปลูกพืชโดยใช้น้้าฝนเป็นหลัก ซึ่งมีความ

               เสี่ยงต่อการขาดแคลนน้้าอันเนื่องมาจากความผันแปรของสภาพลม ฟ้า อากาศ อีกทั้งในบางพื้นที่ยังมี

               สภาพกายภาพที่ไม่เอื้ออ้านวยต่อการล้าเลียงน้้าจากแหล่งน้้ามาใช้ประโยชน์อีกด้วย (คณะกรรมการก้าหนด

               นโยบายและการบริหารจัดการทรัพยากรน้้า, 2558) ที่ผ่านมาจะพบว่าการแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับจัดการน้้า

               ของรัฐบาลได้มุ่งไปที่การจัดหาแหล่งน้้า สร้างที่กักเก็บน้้าให้ประชาชนทุกพื้นที่ได้ ก่อให้เกิดผลผลิตในเชิง

               โครงสร้าง (output) คือ การมีเขื่อนหรืออ่างเก็บน้้า การพัฒนาระบบชลประทาน การขุดลอกคลอง หากแต่







                                                         12
   8   9   10   11   12   13   14   15   16   17   18