Page 122 - kpi20889
P. 122

บทที่ 4 การดําเนินงานของโรงเรียนโรงเรียนจีนในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกลาเจาอยูหัว    111



                       ดวยเหตุนี้ พระวรวงศเธอ พระองคเจาธานีนิวัตจึงมีพระดําริวาควรจะออกพระราชบัญญัติโรงเรียน

                                                                                                       109
               ราษฎรฉบับใหมขึ้น เพราะเห็นวาพระราชบัญญัติฉบับเดิมนั้นใชมานานแลวและมีจุดบกพรองหลายอยาง108
                                                                              110
               โดยสวนที่เสนาบดีกระธรรมการตองการแกไขจากพระราชบัญญัติเดิม ไดแก109
                       1. หากตองการตั้งโรงเรียนขึ้นใหม หรือรับตําแหนงผูจัดการหรือครู จะตองไดรับอนุญาตจากทางการ

               เสียกอน (ตามกฎหมายเดิม หากสงใบแจงความจํานงตั้งโรงเรียนแลว และไมมีการคัดคานจากทางการไทย
               ภายใน 2 เดือน ก็สามารถตั้งโรงเรียนไดเลย)

                       2. ใหอํานาจผูปกครองทองที่มีอํานาจอนุญาตตั้งหรือสั่งปดโรงเรียนตลอดจนการอนุญาตบุคคลที่จะ

               ทําหนาที่เกี่ยวกับโรงเรียน เสนาบดีเปนผูรับปรึกษาหรืออุทธรณอีกชั้นหนึ่ง (ตามกฎหมายเดิม ผูปกครองทองที่
               จะตองสงเรื่องใหเสนาบดีเปนผูพิจารณา โดยผูปกครองทองที่จะแสดงความเห็นตามสมควร)

                       3. กําหนดคุณสมบัติครูนอยในพระราชบัญญัติ โดยใหมีคุณสมบัติเดียวกับครูใหญ110  แตผอนผันเรื่อง
                                                                                          111
               วุฒิการศึกษาและอายุ (ตามกฎหมายเดิม ไมมีการกําหนดคุณสมบัติครูนอยในพระราชบัญญัติ)
                       4. สถานศึกษา คือโรงเรียนจะตองใหเปนสถานสําหรับทําการศึกษาโดยตรง มิใหเปนที่อาศัยซองสุม

               เพื่อทําการมิชอบใด ๆ (ตามกฎหมายเดิม ไมมีระบุเกี่ยวกับเรื่องนี้)

                       5. เพิ่มโทษทั่วไป
                       6. พระราชบัญญัตินี้ไมมีผูรักษา เห็นควรเติมวา ใหเสนาบดีกระทรวงธรรมการ เปนผูรักษา และมี

               อํานาจที่จะออกกฎเสนาบดีได


                       ในวันที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2475 (ค.ศ. 1932) ไดมีการประชุมอภิรัฐมนตรีเกี่ยวกับรางพระราชบัญญัติ

               โรงเรียนราษฎรฉบับใหม สมเด็จพระเจาบรมวงศเธอ กรมพระนครสวรรควรพินิต เสนาบดีกระทรวงมหาดไทย

               ทรงมีความเห็นวา พระราชบัญญัติโรงเรียนของตางประเทศนั้นเขมงวดมากกวาสยามและมีบทบังคับสําหรับ



                       109  หอจดหมายเหตุแหงชาติ, ร.7 ศ.2/2 เอกสารกรมราชเลขาธิการ รัชกาลที่ 7 กระทรวงศึกษาธิการ เรื่อง

               พระราชบัญญัติโรงเรียนราษฎร (13 ตุลาคม 2460-8 มิถุนายน 2475).
                       110  เรื่องเดียวกัน.

                       111  ตามพระราชบัญญัติโรงเรียนราษฎร พ.ศ. 2461 ไดระบุไววาครูใหญคือ “บุคคลผูรับผิดแลชอบสํานองจัดการ
               พแนกสั่งสอนวิชาของโรงเรียน แลเปนหัวนาครอบงําครูทั้งหลายในโรงเรียนนั้น ถึงแมวาโรงเรียนใดมีครูแตผูเดียว ครูนั้นใหถือ

               วาเปนครูใหญ” ครูใหญจะตองมีอายุไมต่ํากวา 20 ปบริบูรณ ไมเคยตองโทษตามประมวลอาญา ไมมีชื่อเสียงอันเปนมลทิน
               และเปนบุคคลผูมีลักษณะตามมาตรา 4 แหงพระราชบัญญัติ กลาวคือ “เปนผูไดรับประกาศนียบัตรประโยคครูมูล ฤา

               ใบสําคัญชั้นมัธยมปที่ 6 แหงโรงเรียนรัฐบาล ฤาเปนผูไดรับประกาศนียบัตรอยางอื่น ฤาประกอบดวยคุณวุฒิเหนปาน
               นั้น อันเสนาบดีธรรมการจะไดสําแดงรับรองวาเทียบทัดกับประกาศนียบัตรแหงโรงเรียนรัฐบาลได แตวาในผูที่ไดรับ
               เทียบประกาศนียบัตรเทียบคุณวุฒินี้จะตองมีความรูภาษาไทพูดไดพอประมาณดวย ฯ” ถาครูใหญไมเปนไปตามที่

               พระราชบัญญัติระบุไว ก็จะไมไดรับอนุญาตใหดํารงโรงเรียนหรือเปดโรงเรียนได.
   117   118   119   120   121   122   123   124   125   126   127