Page 379 - kpi20858
P. 379
337
พระบรมรูป ในระหว่างการสร้างแบบพระบรมรูปอยู่นั้นพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้
เสด็จมาทอดพระเนตรพระบรมรูป ตรัสเหนือเกล้าฯ สั่งให้หล่อพระบรมรูปดังกล่าวขึ้น 2 องค์ คือ
โปรดฯ ให้หล่อขนาดใหญ่ส าหรับใช้ตั้งที่สถานปฐมบรมราชานุสสรณ์องค์หนึ่ง กับหล่อสัมฤทธิ์
ขนาดเล็กโดยมีพระราชประสงค์จะทรงน าไปตั้งในพระราชมนเทียรอีกองค์หนึ่ง ซึ่งอาจท าการหล่อ
ด้วยตนเอง หรืออาจมอบหมายให้ช่างในอิตาลีท า เมื่อต้นแบบเป็นที่พอพระราชหฤทัยแล้ว นายเฟ
โรจีได้ท าการตัดพระบรมรูปออกเป็นท่อน บรรจุลงหีบแล้วจัดส่งไปยังอิตาลี เพื่อท าการหล่อสมัฤทธิ์
ในการนี้ได้มอบหมายให้ห้างอิสต์เอเชียติก น าส่งพระบรมมารูปไปยังเมืองเยนัว (Genoa) ประเทศ
อิตาลี มูลเหตุของการหล่อพระบรมรูปยังอิตาลีเนื่องมาจากวิทยาการด้านการสร้างงานสัมฤทธิ์
ขนาดใหญ่ในประเทศสยามขณะนั้นยังไม่มีความพร้อม ฝ่ายศิลปากรสถานจึงได้มอบหมายให้
นายเฟโรจี เดินทางไปอิตาลี ในฐานะเป็นข้าราชการผู้แนะน าในทางวิชาการ และเป็นนายช่าง
ผู้ตรวจการในระหว่างการหล่อพระบรมรูปในอิตาลี ซึ่งเป็นเวลาที่ประจวบเหมาะที่ นายเฟโรจี
ได้รับโอกาสกลับไปเยี่ยมบ้านเกิดเป็นเวลา 9 เดือนพอดี
เมื่อนายเฟโรจีไปถึงอิตาลีได้ท าการสอบราคาการหล่อพระบรมรูป และค่าจัดส่ง ในการ
ติดต่อครั้งนั้นมีห้างต่างๆ ยื่นเสนอราคาการหล่อพระบรมรูปถึง 4 ห้างด้วยกัน โดยเสนอราคาการ
หล่อที่ 7,500 บาท 8,500 บาท 9,900 บาท และ 11,000 บาท ในการนี้นายเฟโรจีได้เดินทางไปยัง
สถานที่หล่อพระบรมรูป เพื่อพิจารณาตรวจสอบถึงความพร้อมทั้งด้านอุปกรณ์และเครื่องมือด้วย
ตนเอง ในระหว่างที่นายเฟโรจีด าเนินการเรื่องหล่อพระบรมรูปสัมฤทธิ์ที่ประเทศอิตาลีอยู่นั้น ทาง
ฝั่งสยามได้มีการจัดท าฐานพระบรมรูปเตรียมไว้ที่เชิงสะพานทางฝั่งพระนคร พร้อมทั้งด าเนินการ
ออกแบบสร้างค าจารึกไว้ที่ฐานและลับแลด้วย ซึ่งพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวมีพระบรม
ราชโองการโปรดเกล้าฯ มอบหมายให้สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาด ารงราชานุภาพ
ด าเนินการในเรื่องนี้ โดยทรงท าการเรียบเรียงค าจารึกที่เสาสะพานทั้งสองฝั่ง จารึกที่ลับแลหลังพระ
บรมรูปพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก และจารึกที่ฐานพระบรมรูป โดยมีสมเด็จพระเจ้า
บรมวงศ์เธอเจ้าฟ้าฯกรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ เป็นผู้วางรูปแบบและปรับบรรทัดหนังสือ
ส าหรับจารึกที่ลับแลหลังพระบรมรูปนั้น ทรงน าพระราชด าริเดิมในพระบาทสมเด็จพระ
จุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวมาใช้ กล่าวคือ ได้ทรงพระราชด าริให้ท าค าจารึกที่ฐานพระบรมรูปทรงม้า
โดยวิธีเรียงความ แบ่งท าตัวอักษรเป็น ๒ ขนาดคือ ตัวใหญ่ปนกับตัวเล็ก ตามที่ทรงพระราชด าริ
เช่นนั้น ด้วยหวังพระราชหฤทัยว่าตัวใหญ่ให้อ่านไกล ถ้าอ่านเฉพาะตัวใหญ่จะได้ความโดยย่อ เมื่อ
เข้าใกล้อ่านทั้งตัวใหญ่และเล็กก็จะได้ความพิสดาร เมื่อผ่านมติที่ประชุมอภิรัฐมนตรีวันที่ 3 กันยายน