Page 40 - kpi20761
P. 40
การพัฒนาและปรับปรุงบทบัญญัติกฎหมายแรงงานไทยให้สอดคล้องกับหลักการสากลและแนวทางปฏิรูปประเทศ 39
ควำมเป็นกฎหมำยแรงงำนของบทกฎหมำยที่เกี่ยวข้องกับ
ประชำกรวัยท�ำงำน กระนั้น กฎหมายส่วนหนึ่งได้ก�าหนดสิทธิหน้าที่
ระหว่างบุคคลที่ไม่ได้เป็นนายจ้างลูกจ้างตามสัญญาจ้างแรงงานไว้ หากแต่
คู่สัญญาฝ่ายหนึ่งอาจมีสถานะเป็นผู้ใช้แรงงานด้วยเงื่อนไขเรื่องอายุ
ซึ่งอยู่ในวัยท�างาน กล่าวคือ ช่วงอายุ ๑๘ – ๕๕ หรือ ๖๐ ปี จึงเกิดเป็น
ข้อค�าถามว่ากฎหมายในลักษณะดังกล่าวเป็นกฎหมายแรงงานหรือไม่
ตัวอย่างเช่น กฎหมายที่เกี่ยวกับการจัดหางานและคุ้มครองคนหางาน
ซึ่งเป็นกฎหมายที่ก�าหนดให้เป็นหน้าที่ของรัฐในการจัดตั้งหน่วยงานเฉพาะ
ขึ้นท�าหน้าที่ช่วยหางานให้กับประชากรวัยท�างาน ตลอดจนการยอมรับให้
เอกชนประกอบกิจการช่วยประชากรวัยท�างานหางานโดยอาจเรียกเก็บ
ค่าธรรมเนียมตามที่กฎหมายก�าหนด ซึ่งเนื้อหาของกฎหมายส่วนนี้จะไม่ได้
กล่าวถึงนิติสัมพันธ์ของคู่สัญญาจ้างแรงงานไว้ แต่จะเป็นการกล่าวถึง
นิติสัมพันธ์ระหว่างบุคคลก่อนที่จะเกิดเป็นสัญญาจ้างแรงงาน ซึ่งอาจ
มองว่าเนื้อหาแห่งบทกฎหมายนั้นไม่ครบลักษณะของกฎหมายแรงงาน
ที่ต้องเกี่ยวข้องกับผู้ใช้แรงงานโดยตรง แต่ก็อาจมองได้ในอีกแง่มุมหนึ่งว่า
กฎหมายในลักษณะเช่นนี้เป็นกฎหมายที่เกี่ยวกับการบริหารจัดการแรงงาน
ในลักษณะของประชากรวัยแรงงานมิใช่ตัวลูกจ้างในสัญญาจ้างแรงงาน
ก็มีความเป็นกฎหมายเกี่ยวกับการแรงงานระคนอยู่ด้วยเช่นกัน
ในท�านองเดียวกันกฎหมายที่เกี่ยวกับการท�างานของคนต่างด้าว
มักจะก�าหนดคุณสมบัติ ลักษณะของงานต้องห้ามต่างด้าวท�าไว้ ซึ่งโดยสภาพ
กฎหมายกลุ่มนี้จึงไม่ได้บัญญัตินิติสัมพันธ์ระหว่างนายจ้างลูกจ้างไว้
แต่เป็นการก�าหนดกรอบของประชากรวัยแรงงานที่เป็นต่างด้าวหรือไม่มี
สัญชาติของรัฐซึ่งตนจะเข้าไปท�าการงาน ซึ่งประเทศส่วนใหญ่ต่างให้การ
ยอมรับบทกฎหมายที่มีลักษณะในท�านองนี้ว่าเป็นส่วนหนึ่งของกฎหมาย
แรงงาน อันท�าให้มองได้ว่ากฎหมายแรงงานมิจ�าเป็นต้องเป็นบทกฎหมาย
inside_ThLabourLaw_c1-2.indd 39 13/2/2562 16:24:08