Page 14 - kpi20366
P. 14

บุคคลนั้นมีข้อมูลที่จ ากัดในการท าความเข้าใจและวิเคราะห์สถานการณ์ต่างๆ อย่างรอบด้าน เมื่อข้อมูลที่

               รับมาเป็นข้อมูลเพียงด้านเดียว หรือเป็นข้อมูลที่ผ่านการบิดเบือนข้อเท็จจริงเพื่อประโยชน์ทางการเมือง

               ของผู้ผลิตเนื้อหาสื่อดังกล่าว


                      แม้ว่าการน าเสนอเนื้อหาของผู้ผลิตสื่อดิจิทัล และการแสดงความคิดเห็นของผู้ใช้สื่อดิจิทัลเองจะ

               พบปัญหาดังที่กล่าวแล้ว การคุ้มครองผู้รับสารจากเนื้อหาสื่อดิจิทัลที่เป็นภัยก็ยังไม่สามารถท าได้อย่างมี

               ประสิทธิภาพทั้งนี้ด้วยธรรมชาติของสื่อดิจิทัลเองที่เปิดโอกาสให้ทุกคนเป็นผู้เขียนข่าว ในขณะที่การ

               คุ้มครองหรือควบคุมเนื้อหาสื่อโดยภาครัฐ มักถูกมองว่าเป็นการจ ากัดสิทธิเสรีภาพการแสดงออกทาง
               ความคิดเห็น (freedom of expression) อย่างไรก็ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระท าความผิด

               เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 มีเจตนารมณ์ในการป้องกันการใช้สิทธิเสรีภาพเกินขอบเขตจนส่งผล

               กระทบต่อความมั่นคงและศีลธรรมอันดีของประชาชน หากแต่ถ้อยค าในกฎหมายมีความคลุมเครือ

               ส่งผลต่อการบังคับใช้กฎหมายที่อาศัยการตีความที่เป็นอัตวิสัย ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของเจ้าพนักงานรัฐเป็น

               ส าคัญ ประชาชนไม่สามารถเข้าใจได้ว่าข้อมูลที่มีเนื้อหาเช่นไรจึงจะเข้าข่ายเป็นความผิด


                      ด้วยเหตุนี้ แนวทางการพัฒนาบทบาทสื่อดิจิทัลในการเสริมสร้างประชาธิปไตยและการเมืองภาค

               พลเมืองแนวทางหนึ่ง จึงอาจต้องมุ่งไปที่การปรับปรุงที่ตัวบุคคลผู้เปิดรับหรือผู้บริโภคข่าวสารเองให้

               สามารถใช้วิจารณญาณและสร้างภูมิคุ้มกันให้ตนเองได้ระหว่างการเปิดรับสื่อสังคมออนไลน์ โดยสามารถ

               แยกแยะระหว่างข่าวสารที่เป็นข้อเท็จจริง หรือข้อความชวนเชื่อ และตระหนักรู้ในผลกระทบของการ

               แสดงความคิดเห็นที่จะเกิดต่อตนเองและสังคม

                      การรู้เท่าทันสื่อ (Media Literacy) หมายถึงการเลือกรับสื่ออย่างหลากหลาย การคิดวิเคราะห์

               และประเมินคุณค่าและความเหมาะสมของเนื้อหานั้นได้ด้วยตนเอง โดยไม่จ าเป็นต้อง “คิดตาม” อย่าง

               วัตถุประสงค์ที่ผู้ผลิตเนื้อหานั้นได้วางแผนไว้ และการรู้จักตั้งค าถาม แสดงความคิดเห็น และมีส่วน

               ร่วมกับการอภิปรายประเด็นสาธารณะต่างๆ ของสังคมอย่างมีเหตุผล และสามารถเคารพและรับฟัง

               ความคิดเห็นที่แตกต่างได้ ตลอดจนรู้กฎหมายว่าการกระท าใดเข้าข่ายเป็นความผิด

                      โครงการจึงเล็งเห็นความส าคัญของการพัฒนาตัวชี้วัดเพื่อศึกษาระดับการรู้เท่าทันสื่อสังคม

               ออนไลน์ของเยาวชน เพื่อทราบสถานการณ์ระดับการรู้เท่าทันสื่อเพื่อการเป็นพลเมืองในสังคม

               ประชาธิปไตยของเยาวชนกลุ่มดิจิทัล เนทีฟ ที่เป็นกลุ่มมีสัดส่วนการใช้อินเตอร์เน็ตสูงที่สุดและจะเติบโต

               ขึ้นเป็นพลเมืองที่มีบทบาทส าคัญในการพัฒนาประเทศต่อไปในอนาคต









                                                           13
   9   10   11   12   13   14   15   16   17   18   19