Page 37 - kpi20350
P. 37
36
หยุดยิง การอบรมด้านการเจรจาส าหรับผู้สู้รบ หามาตรการสร้างความไว้วางใจร่วมกัน เป็นต้น (Ricigliano,
201
2.4 แนวคิดเรื่องสันติภาพในสถาบันการเมือง
หากกล่าวถึงค าว่าสันติภาพเรานึกถึงอะไร? ค าว่า “สันติภาพ” (Peace) ในโลกมีการนิยามแตกต่าง
กันไป ค านิยามที่ใช้กันมากคือ ปราศจากสงคราม ไม่มีความรุนแรงทางกายภาพ แต่ค านิยามนี้ยังไม่ครอบคลุม
ถึงความหมายที่แท้จริงของค าว่าสันติภาพ เนื่องจากสันติภาพเป็นสภาวะที่มากไปกว่าการไม่มีการสู้รบเท่านั้น
แม้ว่าในโลกจะมีการนิยามความหมายที่แตกต่างกันไป แต่มีจุดร่วมของความหมายที่เป็นไปในทิศทางเดียวกัน
เช่น ไม่มีความรุนแรงทางกายภาพ ไม่มีความเหลื่อมล้ าหรือมีความเหลื่อมล้ าไม่มาก มีการเคารพสิทธิมนุษยชน
เคารพความเท่าเทียมกันของมนุษย์ ยอมรับความแตกต่างหลากหลาย การให้อภัย ไม่มีการปลูกฝังให้เกิดความ
เกลียดชังต่อกัน
กรอบความคิดเกี่ยวกับการสร้างสันติภาพ เกิดจากความคิดที่ว่าการแจกแจงอ้านาจ และผลประโยชน์
จะต้องให้เกิดผลแก่คนทุกคน ทุกกลุ่ม และทุกระดับภายในสังคม มิใช่เกิดเฉพาะรัฐบาลหรือเฉพาะชนชั้นน้า
หรือประเทศที่อยู่ในระดับผู้น้าเท่านั้น ตามแนวความคิดนี้เชื่อว่ามนุษย์ทุกคนต่างมีความต้องการตามความ
จ้าเป็น (need) และจะกระท้าทุกอย่างเพื่อให้ได้ตามความต้องการนั้น ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเป็นความ
ต้องการขั้นพื้นฐานตามความจ้าเป็นนั้น จะครอบคลุมถึงความอยู่รอดของมนุษย์ ความมีชีวิตอยู่ รวมทั้งความ
ต้องการให้มีการยอมรับเอกลักษณ์ (identity) ของกลุ่ม อันเป็นค่าเฉพาะกลุ่มที่มีความหมายถึง วัฒนธรรม
อุดมการณ์ การลงทุน หรือผลประโยชน์จากบทบาทที่แสดงออกไปตามสถานภาพที่ด้ารงอยู่ ดังนั้น การที่กลุ่ม
สังคมกลุ่มหนึ่งปฏิเสธความต้องการตามความจ้าเป็นของอีกกลุ่มหนึ่ง ไม่ยอมรับเอกลักษณ์ของเขา ก็คือการท้า
ให้กลุ่มสังคมนั้นตกอยู่ในสภาวะด้อยกว่าตน และถ้าความพยายามนั้นเป็นไปเพื่อผลประโยชน์ทางการค้า หรือ
เพื่ออ้านาจทางการเมืองด้วยแล้ว ความขัดแย้งก็จะด้ารงอยู่จึงไม่ใช่การสร้างสันติภาพที่แท้จริง
การสร้างสันติภาพอย่างแท้จริงจึงควรเกิดจากการน้าค่านิยม หรือเอกลักษณ์ที่สอดคล้องกับความ
ต้องการตามความจ้าเป็นของกลุ่มต่าง ๆ มาแลกเปลี่ยนความรู้ของกันและกัน เพื่อหวังให้เกิดการยอมรับซึ่งกัน
และกันตามมา เราควรท้าความเข้าใจด้วยว่า ความรับรู้ของบุคคลนั้นเกิดจากกระบวนการหล่อหลอมทางสังคม
ที่บุคคลนั้นสังกัดอยู่ เช่น คนไทยที่เกิดและเติบโตในสังคมไทยที่มีวัฒนธรรมของการยึดถือกฎระเบียบของ
สังคม (Law and order) เพื่อให้สังคมอย่างมีความสมานฉันท์ ย่อมจะรับรู้ว่าสังคมไม่ควรมีความแตกต่าง
ทางด้านความคิดเห็น โดยมิได้ค้านึงว่าความแตกต่างนั้นมิใช่ความแตกแยก เมื่อมีการเรียกร้องประชาธิปไตยซึ่ง
ยอมรับทางความคิดแตกต่างด้านความคิดขึ้นมาก็เกิดการไม่ยอมรับ แต่กลับมีการเสนอประชาธิปไตยแบบ
ไทย ๆ ที่เน้นความสมานฉันท์ ทั้งนี้เพราะโครงสร้างทางสังคมไทยเป็นเช่นนี้ ดังนั้น ถ้าเราสามารถผสมผสาน
ความคิดเรื่องการแก้ไขโครงสร้างทางสังคมบางส่วนเข้าด้วยกัน เพื่อให้เกิดการรับรู้ซึ่งกันและกันจนกระทั่งเกิด
การแลกเปลี่ยน แบ่งปันค่านิยมของกันและกันอันจ้าน้าไปสู่ความยอมรับซึ่งกันและกันได้ เมื่อบรรลุถึงขั้นนี้การ
สร้างสันติภาพที่แท้จริงก็จะเกิดขึ้น (อภิญญา รัตนมงคลมาศ, 2538 หน้า 119-122)