Page 428 - kpi19912
P. 428
มากขึ้น ดังนั้นจึงควรใช้การประชาเสวนาหาทางออก เป็นการใช้รูปแบบประชาธิปไตยแบบ
ปรึกษาหารือ (Deliberative democracy) ที่ใช้หลักการให้เหตุผล (reasoning)ระหว่างบุคคลและ
หลักการกระท าที่เปิดเผยและเป็นสาธารณะ (public act) จึงเป็นการสร้างกระบวนการปรึกษาหารือ
สาธารณะ ได้แก่ การจัดเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้กันด้วยเหตุผล ประชาชนที่เข้าร่วมต้องมีใจที่เปิดกว้าง
ยอมรับกันด้วยเหตุผล แม้จะไม่เห็นด้วยกับเสียงส่วนใหญ่ แต่จะร่วมรับรองทางเลือกหรือ ทางออก
ของปัญหาด้วยความชอบธรรมของเหตุผล
3. การใช้กระบวนการทางนิติบัญญัติเพื่อแก้ปัญหาข้อขัดแย้ง บางกรณีพิพาทเกิดจากปัญหา
ข้อกฎหมายที่อาจจะล้าสมัย หรือ กฎหมายยังไม่ได้ก าหนด หรือกฎหมายที่มีอยู่เดิมออกมาแล้วเกิด
ปัญหาความขัดแย้ง ข้อกฎหมายที่เคร่งครัด หรือ กฎหมายระหว่างประเทศ น ามาใช้แล้วเกิดปัญหา
เช่น IUU เหมืองแร่ทองมีการใช้หลายกฎหมาย เช่น กฎหมายป่าสงวน ออกมาภายหลังจากที่คนเข้า
ไปอาศัยในป่า เป็นเวลานานหลายสิบปีแต่ภายหลังกฎหมายออกมาครอบคลุมพื่นที่ โดยไม่ดูว่ามี
ประชาชนอยู่ตรงไหน
4. การฟ้องร้องกัน ในหลายกรณีที่ความขัดแย้งนั้นการเจรจไากันเอง หรือแม้กระทั่งการใช้
คนกลางไม่สัมฤทธ์ผล จึงต้องใช้การฟ้องร้องกัน โดยเฉพาะการฟ้องศาลปกครองซึ่งต้องใช้ระยะเวลา
ยาวนานและจบลงด้วย “ผู้แพ้-ผู้ชนะ” เช่น คดีบ่อขยะแพรกษา ที่ชาวบ้านซึ่งได้รับผลกระทบ
รวมตัวกันยื่นฟ้องเอกชนและอบต.แพรกษา มีส านวนคดีเข้าสู่การพิจารณาแผนกคดีสิ่งแวดล้อมใน
ศาลแพ่งรวม 13 คดี มีโจทก์รวมทั้งสิ้น 2,349 คน ซึ่งในจ านวนนั้นมีคดีรับโอนมาจากศาลจังหวัด
สมุทรปราการด้วย 10 คดี ขณะที่ต่อมาได้ถอนฟ้อง อบต.แพรกษา จ าเลยที่ 4 เพื่อไปแยกฟ้องคดีที่
ศาลปกครอง ขณะที่คดีของเอกชนในแผนกคดีสิ่งแวดล้อมของศาลแพ่งได้ด าเนินกระบวนการไกล่
เกลี่ย โดยให้ชาวบ้านที่เป็นโจทก์ได้รับการบรรเทาผลเสียหาย รายละ 3,000 บาท.
6. แผนที่ความขัดแย้ง (Conflict mapping framework)
ผู้ศึกษาได้ท าแผนที่ความขัดแย้งเพื่อวิเคราะห์ผุ้มีส่วนได้เสียและความต้องการอันจะน าไปสู่
การช่วยหาหนทางในการประสานความร่วมมือของผู้ที่เกี่ยวข้องในการจัดการความขัดแย้ง ดังภาพ
423