Page 426 - kpi19912
P. 426

อาจจะเนื่องจากการไม่ได้มีโอกาสรับรู้ข้อมูลเบื้องต้นของรัฐ หรือไม่เท่าทันกับการขับเคลื่อนการ
                   ปฏิบัติงานของส่วนงานต่างๆ ของรัฐ และเท่าทันกับข้อมูลข่าวสารของภาครัฐ หรือ ไม่ได้สนใจ ซึ่งการ

                   แก้ไขปัญหาของประชาชนมาจากการช่วยเหลือตนเองก่อนเบื้องต้น หลังจากนั้นจึงได้มีการรวมกลุ่ม
                   ของคนที่เดือดร้อนจากโครงการประเภทเดียวกันเช่นเดียวกันทั้งจากภายในและภายนอกชุมชน
                   รวมทั้งเครือข่าย และร่วมกันด าเนินการแก้ไขปัญหาด้วยวิธีการต่างๆ บางปัญหาความขัดแย้งก็
                   สามารถจัดการให้ส าเร็จลงได้ แต่หลายปัญหาก็ไม่สามารถท าให้ยุติได้ ทั้งนี้อาจเนื่องมาจากการ

                   ตัดสินใจของผู้บริหาร มติครม. ประเด็นข้อกฎหมาย และกลไกของระบบราชการ ทั้งนี้รูปแบบการ
                   แก้ไขปัญหาของประชาชน มีดังนี้
                          1.  การร้องเรียนต่อฝ่ายปกครองส่วนท้องถิ่น โดยผู้เดือดร้อนจะร้องเรียนผ่านทาง

                   ผู้ใหญ่บ้าน ก านัน องค์การบริหารส่วนต าบล  องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หากไม่ได้ผลก็จะติดต่อ
                   เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองในระดับจังหวัด เจ้าหน้าที่ก็จะส่งเรื่องไปยังหน่วยงานที่รับผิดชอบในระดับ
                   จังหวัดที่ได้รับมอบหมาย ถ้าเรื่องยังล่าช้า ก็จะร้องเรียนกับเจ้าพนักงานปกครอง เช่น นายอ าเภอ
                   หรือ ผู้ว่าราชการจังหวัด  เรื่องร้องเรียนบางประเด็นผู้ว่าฯ ก็สามารถตัดสินใจได้บ้างในระดับท้องถิ่น
                   เช่น กรณีการขยายสาขาห้างโลตัส  เป็นต้น แต่หลายกรณีก็ไม่มีอ านาจตัดสินใจ กรณีข้อพิพาทก็จะ

                   ถูกส่งไปยังหน่วยงานรัฐส่วนกลาง และรัฐบาล เช่น กรณีโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้า  โรงถลุงเหล็ก
                   เป็นต้น
                          2.  การร้องเรียนต่อนักการเมืองท้องถิ่น สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร หรือ สมาชิกวุฒิสภา

                   ผู้เดือดร้อนต้องการให้มีการกดดันติดตามให้หน่วยงานรัฐแก้ไข ซึ่งบางกรณีก็จะขอให้นักการเมืองช่วย
                   ผลักดัน หรือ การให้พิจารณาในระดับคณะกรรมาธิการของสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา ซึ่ง
                   คณะกรรมาธิการก็จะจัดคณะท างานมาด าเนินการตรวจสอบข้อมูลและรายงานผลพร้อมข้อเสนอแนะ

                   ให้รัฐบาลเพื่อติดตาม ทบทวน ตรวจสอบ แต่ก็มิได้มีผลต่อการกดดันให้รัฐบาลเร่งรัดแก้ไขปัญหามาก
                   นัก ยกเว้นบางเรื่องที่การชุมนุมผู้เดือดร้อนจ านวนมากและสื่อมวลชนให้ความสนใจ การแก้ไขปัญหา
                   ความขัดแย้งก็จะมีความคืบหน้าไปบ้าง

                          3.  การร้องเรียนต่อหน่วยงานของรัฐในส่วนกลางและรัฐมนตรีที่รับผิดชอบโดยตรง
                   หากการร้องเรียนในระดับจังหวัดไม่ได้ผล ผู้เดือดร้อนจะด าเนินการร้องเรียนในระดับสูงขึ้น ได้แก่
                   ระดับ กรม กระทรวงและรัฐมนตรีในส่วนกลาง    ผู้เกี่ยวข้องหลายฝ่าย หลายระดับขั้นตอนที่ร่วมให้
                   ความเห็นและตัดสินใจทั้งตามขข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย เป็นต้น ซึ่งจะมีเจ้าหน้าที่มารับเรื่องตาม
                   ขั้นตอนทางราชการ และให้มีการติดตามผลภายหลัง เช่น กรณีการขอใช้พื้นที่ตั้งเสาส่ง ก็จะพิจารณา

                   ทบทวนพื้นที่ หรือ ทบทวนการบังคับใช้กฎกระทรวง กฎหมายที่เกี่ยวข้อง หรือ ทบทวนการท า
                   ประชาพิจารณ์
                          4.  การร้องเรียนกับองค์กรอิสระ ได้แก่ คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ผู้ตรวจการ

                   แผ่นดิน ส านักงานตรวจเงินแผ่นดิน สมาคมคุ้มครองผู้บริโภคโทรคมนาคม องค์การสหประชาชาติ
                   องค์การระหว่างประเทศ ILO คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ  เป็นต้น ซึ่ง
                   องค์การอิสระนี้จะด าเนินการตรวจสอบและติดตามเร่งรัดให้รัฐบาลแก้ไขปัญหา ในหลายกรณี
                   หน่วยงานองค์กรอิสระนี้จะท าหน้าที่เป็นคนกลางช่วยในการเจรจาไกล่เกลี่ย

                          5.  การชุมนุมอย่างสันติ (Civil Disobedience)  ผู้เดือดร้อนมีการรวมสมาชิกที่เดือด
                   ร้อนภายในชุมชนและผู้มีส่วนได้เสียในบริเวณใกล้เคียงและกลุ่มที่ยังกังวลถึงผลกระทบซึ่งข้อมูลของ
                   รัฐไม่ชัดเจน แล้วจัดการชุมนุมในที่สาธารณะ เช่น ลานสาธารณประโยชน์ในชุมชน ตามหน่วย งาน
                   ราชการ อาทิ ศาลากลางจังหวัด  ที่ว่าการอ าเภอ หรือ สถานที่ที่เป็นประเด็นความขัดแย้ง โดยมี

                                                           421
   421   422   423   424   425   426   427   428   429   430   431