Page 333 - kpi19903
P. 333
296
10) ความสัมพันธ์ระหว่างอาชีพและพฤติกรรมการเลือกตั้งพบว่าข้าราชการและพนักงานรัฐวิสาหกิจเลือก
ผู้สมัครพรรคเพื่อไทยมากที่สุด (ประมาณร้อยละ 50) ในขณะที่ประชาชนที่ประกอบอาชีพรับจ้างทั่วไปมีแนวโน้ม
จะเลือกพรรคประชาธิปัตย์น้อยที่สุด (ประมาณร้อยละ 20) อย่างไรก็ตามในกลุ่มของประชาชนที่ไม่ได้ท างานหรือ
เป็นแม่บ้านนั้น พบว่าประชาชนในกลุ่มนี้เลือกผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทยและกลุ่มพรรคอื่น ๆ ไม่แตกต่างกันมากนัก
(ประมาณร้อยละ 40) แต่สูงกว่าที่จะเลือกพรรคประชาธิปัตย์มาก
11) ไม่พบความสัมพันธ์ระหว่างระดับการศึกษากับพรรคการเมืองที่เลือกแต่เมื่อประชาชนมีระดับ
การศึกษาสูงขึ้น สัดส่วนที่เลือกพรรคอื่น ๆ ที่ไม่ใช่สองพรรคการเมืองใหญ่กลับมีมากขึ้น ประชาชนที่มีการศึกษาสูง
มีแนวโน้มจะไม่ไปเลือกตั้ง
12) การศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างสถานภาพการท างานกับพฤติกรรมการเลือกตั้งพบว่าคนที่ว่างงาน
หรือเกษียณอายุ แม่บ้าน หรือลักษณะการท างานในลักษณะเป็นผู้ช่วยเหลือคนในครอบครัว จะมีสัดส่วนการเลือก
ผู้สมัครของพรรคเพื่อไทยเหลือเพียงร้อยละ 55 โดยประมาณ และมีสัดส่วนประชาชนที่เลือกพรรคประชาธิปัตย์สูง
กว่าคนที่ท างาน ในขณะเดียวกันที่ประชาชนที่มีจ านวนชั่วโมงในการท างานมากกว่า 32 ชั่วโมงต่อสัปดาห์จะมี
แนวโน้มเลือกผู้สมัครที่มาจากประชาธิปัตย์เพียงร้อยละ 20 เท่านั้น
13) ไม่พบความแตกต่างของรายได้ระหว่างประชาชนที่เลือกพรรคเพื่อไทย พรรคประชาธิปัตย์ และพรรค
อื่นๆ ทั้งในการเลือกตั้งระบบแบ่งเขตและบัญชีรายชื่อ ประชาชนที่มีรายได้สูงมีแนวโน้มที่จะไม่ไปลงคะแนนเสียง
เลือกตั้ง
14) เพศชายมีแนวโน้มเลือกผู้สมัครจากพรรคประชาธิปัตย์มากกว่ากลุ่มพรรคอื่น ๆ ในขณะที่เพศหญิงมี
แนวโน้มเลือกผู้สมัครจากกลุ่มพรรคอื่น ๆ มากกว่าเลือกผู้สมัครจากพรรคประชาธิปัตย์
15) ไม่พบความสัมพันธ์ระหว่างอายุกับพฤติกรรมการเลือกตั้ง
16) ประชาชนที่นับถือศาสนาพุทธ มีแนวโน้มจะเลือกผู้สมัครพรรคเพื่อไทยและพรรคอื่น ๆ ในขณะที่
ประชาชนที่นับถือศาสนาอิสลามมีแนวโน้มจะเลือกผู้สมัครพรรคประชาธิปัตย์มากกว่าพรรคเพื่อไทย และพรรคอื่น
ๆ เพราะฐานเสียงของพรรคประชาธิปัตย์อยู่ในภาคใต้และภาคใต้มีประชาชนที่นับถืออิสลามค่อนข้างมาก
17) ผลจากการศึกษานี้พบว่าตัวแบบท านายพฤติกรรมการเลือกตั้งระดับบุคคลนั้นมีความแม่นย าค่อนข้าง
สูง (>82%) อย่างไรก็ตามการอธิบายพฤติกรรมการเลือกตั้งของคนไทยมีความซับซ้อนและไม่สามารถอาศัยเพียง
ทฤษฎีใดทฤษฎีหนึ่งได้ซึ่งในการศึกษานี้ได้ต้องอาศัยถึง 4 ทฤษฎีคือ 1. ทฤษฎีค่านิยมทางการเมือง (Political
valence) อันเป็นทฤษฎีทางสังคมวิทยา 2. ทฤษฎีตัวเลือกเชิงเหตุผล (Rational choice) อันเป็นทฤษฎีที่มี
รากฐานทางเศรษฐศาสตร์ 3. ความเป็นภูมิภาคนิยม (Regionalism) ซึ่งมีรากฐานมาจากทฤษฎีทางภูมิศาสตร์ และ
4. ทฤษฎีอัตลักษณ์ทางสังคม (Social identity theory) อันมีรากฐานมาจากทฤษฎีทางจิตวิทยาสังคม