Page 125 - kpi19903
P. 125

98



               7.3 ควำมน ำ
                       ในช่วงที่ก าลังจะมีการเลือกตั้ง มักจะมีการพูดกันว่า “เลือกไปก็แพ้” หรือ “เลือกไปก็เสียของ” หรือ

                                26
               “เลือกไปก็ไม่ชนะ”  จากค าพูดเหล่านี้ท าให้เกิดค าถามว่า คนไทยเลือกลงคะแนนเสียงให้กับคนที่มีความคิด
               ทางการเมืองตรงกับตน (เป็นตัวแทนความคิดทางการเมือง) หรือเลือกคนที่คิดว่าจะชนะ หรือเลือกคนที่เป็น
               ทั้งตัวแทนความคิดทางการเมืองและมีแนวโน้มจะชนะด้วย คนไทยมองแบบไหนกันแน่ คนไทยจะแทงพนัน

               เข้าข้างเฉพาะไก่ชนตัวที่มีแววจะชนะใช่หรือไม่? เพื่อที่จะตอบค าถามนี้จึงได้ศึกษาพฤติกรรมและการตัดสินใจ

               ในการเลือกตั้งของคนไทย โดยน าทฤษฎีทางจิตวิทยามาเป็นแนวทางในการอธิบายปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อ
               พฤติกรรมการเลือกตั้ง ซึ่งในปัจจุบันถือว่าเป็นแนวทางการศึกษาตามหลักวิชาจิตวิทยาการเมือง (Political

               Psychology) ที่ได้รับความสนใจอย่างแพร่หลาย

                       การศึกษานี้จึงพยายามที่จะอธิบายความสัมพันธ์ของการมีตัวแทนความคิดทางการเมืองกับการ
               ตัดสินใจเลือกลงคะแนนเสียงเลือกตั้งให้พรรคการเมืองของบุคคลซึ่งอธิบายได้ด้วยทฤษฎีอัตลักษณ์ทางสังคม

               (Social Identity theory) (H. Tajfel & J. C. Turner, 1986; J. C. Turner & P. Oakes, 1986) โดยมีความ

               คาดหวังที่ผู้สมัครจะชนะเลือกตั้งเป็นตัวแปรก ากับความสัมพันธ์ระหว่างสองตัวแปร ซึ่งอธิบายได้ด้วยทฤษฎี
               ปัญญาสังคม (Social cognitive theory) (Albert Bandura, 1986, 1997)

                       แม้ว่าในการตัดสินใจเลือกผู้สมัครรับเลือกตั้งหรือพรรคการเมืองที่จะลงคะแนนเสียงให้นั้น ผู้มีสิทธิ

               เลือกตั้งมักจะเลือกผู้สมัครหรือพรรคที่เป็นตัวแทนความคิดทางการเมืองของตน ซึ่งเป็นการแสดงออกถึงอัต
               ลักษณ์ (Identity) ของตนเองที่มีต่อการเมือง การด ารงไว้ซึ่งอัตลักษณ์ทางการเมืองจะท าให้เกิดอัตตมโนทัศน์

               (Self-concept) ที่เกิดจากการรับรู้ความเป็นกลุ่มพวกเดียวกันในสังคมด้วยเหตุที่การเลือกพรรคที่เป็นตัวแทน

               ความคิดยังเป็นการท าให้เกิดความชอบพอเป็นพิเศษของความเป็นพวกเดียวกัน (In-group favoritism)
               (Turner & Reynolds, 2008) และน่าจะท าให้เกิดความมั่นใจทางการเมือง (Political efficacy) ทั้งนี้การมี

               ตัวแทนความคิดและได้เลือกในสิ่งที่เป็นตัวแทนความคิดจึงเป็นการสร้างพรรคพวกหรือกลุ่มก้อนในสังคม

               เดียวกันตามทฤษฎีอัตลักษณ์ทางสังคมซึ่งภายหลังได้มีการขยายความออกมาเป็นทฤษฎีการจัดประเภทตนเอง
               ทางสังคม (Self-categorization theory) ที่ช่วยให้อธิบายพฤติกรรมระหว่างกลุ่มได้ดีมากยิ่งขึ้นซึ่งน่าจะน ามา

               ประยุกต์ใช้กับพฤติกรรมความสัมพันธ์ระหว่างกลุ่ม (Intergroup relations) (Haslam et al., 2009) หรือ

               แบ่งขั้วทางการเมือง (Political polarization) ในประเทศไทยได้เช่นกัน
                       แต่ในความเป็นจริงการพิจารณาหรือตัดสินใจลงมือกระท าหรือแสดงพฤติกรรมใดๆ ของมนุษย์นั้น

               ย่อมมีความคาดหวังในผลของการกระท าว่าจะสามารถท าได้ส าเร็จจึงจะลงมือท า ต้องมีความเชื่อใน

               ความสามารถของตนว่าท าได้ (Albert Bandura, 1977, 1978, 1982, 1997) ต้องมั่นใจว่าจะควบคุมให้เกิด
               พฤติกรรมนั้นได้และเกิดผลลัพธ์ตามที่ใจคาดหวังจึงจะลงมือท าพฤติกรรม (I. Ajzen, 1985, 1992, 2012)




               26  ยกตัวอย่างเช่น ในบทความ ถ้าเลือกตั้ง ปชป. ก็แพ้อีก? 'ชวน หลีกภัย' มีค าตอบ! ดูได้จาก

               http://www.bangkokbiznews.com/news/detail/735143
   120   121   122   123   124   125   126   127   128   129   130