Page 127 - kpi19903
P. 127

100



                       7.4.2 ทฤษฎีอัตลักษณ์ทางสังคม (Social identity theory)
                       อัตลักษณ์ทางสังคม เป็นกระบวนการที่เกิดจากความรู้สึกเป็นสมาชิกของกลุ่มในสังคม เช่น  ชอบพรรค

               การเมืองเดียวกัน อยู่ในชนชั้นทางสังคม ทีมฟุตบอล รุ่นน้องโรงเรียน เรียน วปอ. รุ่นเดียวกันซึ่งรวมไป  ถึง

               ภาวะที่เป็นกลุ่มน้อยที่สุด (Minimal group situation) เช่น มีชื่อเป็นตัวอักษรเดียวกันก็ท าให้เกิดความรู้สึกว่า
               เป็นกลุ่มเดียวกัน (in-group) หรือคนที่มีชื่อตัวอักษรต่างกันเป็นคนนอกกลุ่ม (out-group) ความรู้สึกเป็นส่วน

               หนึ่งของกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งก็ตามเป็นส่วนส าคัญที่ก่อนให้เกิดความมั่นใจและความภาคภูมิใจในตนเองและ

               น าไปสู่อัตลักษณ์ทางสังคม ช่วยท าให้เกิดความรู้สึกว่าตนเองเป็นส่วนหนึ่งของสังคมนั้นๆ การที่เราจะ
               เสริมสร้างภาพลักษณ์ของตัวเองในกลุ่มต้องมีการแสดงพฤติกรรมหรือตัวตน เช่น การแสดงความเป็นพรรค

               พวกเดียวกัน เกิดอคติและการแบ่งแยกระหว่างในกลุ่มกับนอกกลุ่ม และเป็นการจัดประเภททางสังคม เพื่อให้

               เกิดการสร้างเสริมอัตลักษณ์ทางสังคมของตน (Tajfel & Turner, 1979)
                       ทั้งนี้อัตลักษณ์ (Self-Identity) ของแต่ละคนนั้นเป็นผลลัพธ์จากพฤติกรรมการสื่อสารของมนุษย์

               เพราะถูกสร้างและพัฒนาผ่านปฏิสัมพันธ์ทางสังคม โดยที่แต่ละคนจะนิยามความเป็นตัวของตัวเอง โดย

               พิจารณาจากการจัดประเภททางสังคมหรือการเป็นสมาชิกของกลุ่มต่างๆ คนแต่ละคนจะแสดงถึง      อัต
               ลักษณ์ที่มาใช้น าทางชีวิตของตนเองผ่านการสื่อสารกับผู้อื่น อัตลักษณ์ไม่เพียงก าหนดว่าเราเป็นใคร แต่ยังชี้น า

               ความคิดและสิ่งที่เราท าด้วย (Dutton, Dukerich, & Harquail, 1994; Haslam et al., 2009; Scott,

               Corman, & Cheney, 1998; Tajfel & Turner, 1979) คนเรามักจะท าในสิ่งที่ส่งเสริมหรือแสดงความเป็นอัต
               ลักษณ์ของตนเอง เช่นการแต่งตัว ก็จะเลือกชุดที่แสดงความเป็นตัวเองเพื่อเสริมความมั่นใจ


                       7.4.3 ความสัมพันธ์ระหว่างอุดมการณ์ทางการเมืองกับการลงคะแนนเสียง

                       ในการปกครองระบอบประชาธิปไตยนั้น จะมีการเลือกตั้งตัวแทนเข้ามาท าหน้าที่ในการบริหาร โดยใช้

               เสียงของประชาชนส่วนใหญ่หรือเสียงข้างมากของคนในพื้นที่เป็นตัวตัดสิน การไปลงคะแนนเสียงเลือกตั้งจึงถือ
               เป็นหน้าที่ของทุกคนที่ต้องรับผิดชอบ เป็นการแสดงเจตจ านงของผู้เป็นเจ้าของสิทธิในการบริหารประเทศที่จะ

               มอบความไว้วางใจให้กับผู้สมัครรับเลือกตั้งหรือพรรคที่ตนไว้วางใจได้เข้าไปเป็นตัวแทนใช้อ านาจจัดการบริหาร

               ให้เป็นไปตามแนวทางที่ตรงกับความคิดของตน
                       การลงคะแนนเสียงเลือกตั้งไม่ใช่แค่พฤติกรรมที่สะท้อนทางเลือกที่แท้จริงของบุคคล แต่เป็นการแสดง

               ให้เห็นถึงการพิจารณามุมมองต่างๆ ของบุคคลหนึ่งสรุปรวมในการกระท าเดียว (Graham, Haidt, & Nosek,

               2009; Jost, Glaser, Kruglanski, & Sulloway, 2003) สิ่งที่บุคคลใช้ประกอบการพิจารณาทางเลือกนั้นคงไม่
               พ้นอุดมการณ์ทางการเมืองของตน การเลือกที่จะลงคะแนนเสียงให้ผู้สมัครรับเลือกตั้งหรือพรรคการเมืองที่มี

               แนวคิดหรืออุดมการณ์ทางการเมืองที่ตรงกันนั้น นับว่าเป็นการแสดงอัตลักษณ์ทางสังคมของตนทางหนึ่ง ดั้ง

               นั้นคนเรามีแนวโน้มที่จะลงคะแนนเสียงให้กับผู้สมัครหรือพรรคการเมืองที่เป็นตัวแทนความคิดของตน
               นอกจากนี้ในช่วงหลายปีที่ผ่านการเมืองไทยมีการแบ่งขั้วทางการเมือง (Political polarization) อย่างชัดเจน

               เป็นการแบ่งแยกประเภททางสังคม เกิดการเป็นกลุ่มเดียวกันและการเป็นคนนอกกลุ่ม ท าให้ความส าคัญ
   122   123   124   125   126   127   128   129   130   131   132