Page 393 - kpi17968
P. 393
382
ตกเป็นโมฆะ แต่หากจ้างให้เลิก คือส่งเสริมผัวเดียว เมียเดียว หากอนุภรรยา
ยอมเลิก ภรรยาใหญ่ไม่ยอมจ่าย สัญญานั้นสามารถฟ้องศาลได้ ภาษากฎหมาย
บอกว่า อันความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีนั้นสุดแท้แต่ศาลจะใช้ดุลยพินิจ
ในการตีความให้สอดคล้องกับสถานการณ์บ้านเมืองที่เปลี่ยนไป ทำนองเดียวกับ
หลักนิติธรรม ขอบเขตของหลักนิติธรรม เป็นบทกฎหมายยุติธรรมที่ให้คนตีความ
โดยใช้ดุลยพินิจ แต่ไม่ใช่อำเภอใจ ที่จะตีความอย่างไรก็ได้ ที่สำคัญคือ
ต้องตีความให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของการสร้างหลักนิติธรรม
หลักนิติธรรม ไม่ได้เป็นหลักที่ให้อำนาจรัฐ แต่เป็นหลักในการจำกัดการใช้
อำนาจรัฐ หากรัฐใช้อำนาจใดอย่างเป็นธรรม สอดคล้องต้องกันด้วยเหตุด้วย
ผล หลักนิติธรรมจะไม่ไปยุ่ง แต่หากผู้ใช้อำนาจรัฐเริ่มหลงใหลในอำนาจ หลัก
นิติธรรมจะเข้ามากำกับ องค์กรผู้ใช้หลักนิติธรรมจะเป็นผู้กำหนดขอบเขตว่า
หลักนิติธรรมจะมีขอบเขตมากน้อย ทางกฎหมายเรียกว่าหลักที่ยังไม่นิ่ง และ
ไม่สามารถเขียนให้นิ่งได้เพราะเปลี่ยนไปตามกาลเวลา แม้กระทั่งผู้ยกร่าง
รัฐธรรมนูญก็เข้าใจหลักการนี้จึงบอกว่า หลักนิติธรรมอย่างน้อยต้องประกอบด้วย
อะไรบ้าง สุดแท้แต่ผู้ตีความว่าจะให้มากหรือน้อย
อีกประเด็นที่ยากยิ่งกว่าคือการถ่วงดุล หากองค์กรที่ตีความหลักนิติธรรม
ตีความแล้วไม่สอดคล้องกับความเห็นของคนส่วนใหญ่ในสังคม คำตอบคือ ไม่มี
องค์กรใดองค์กรหนึ่งมีอำนาจสูงสุดล้นพ้น เพราะมีความเสี่ยงอย่างยิ่งที่องค์กรนั้น
จะใช้อำนาจไปในทางที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย หลักการพื้นฐานของการแบ่งแยก
อำนาจจึงเข้ามาเสริมเรื่องการถ่วงดุล
หากในอนาคต ศาลรัฐธรรมนูญซึ่งเป็นองค์กรที่ตีความคำว่าหลักนิติธรรม
ได้ตีความในลักษณะที่เรียกว่าเกินเลยไปกว่าที่ควรจะเป็น แล้วใครจะถ่วงดุล
ศาลรัฐธรรมนูญ คำตอบคือ อาจต้องใช้อำนาจนิติบัญญัติ ในการแก้ไขกฎหมาย
หรือยกร่างรัฐธรรมนูญใหม่เพื่อให้สอดคล้องกับหลักนิติธรรมที่ควรจะเป็น เคยมี
การตีความของศาลรัฐธรรมนูญยุคหนึ่งซึ่งผู้ยกร่างรัฐธรรมนูญไม่เห็นด้วย ท้ายสุด
มีการใช้เทคนิคการยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เขียนหลักการให้ชัดเจน เพื่อกัก
แนวบรรทัดฐานของศาลรัฐธรรมนูญ ตัวอย่างชัดที่สุด คือ ประเด็นในอดีตภายใต้
การประชุมกลุมยอยที่ 3