Page 57 - kpi17073
P. 57
56 การประชุมวิชาการ
สถาบันพระปกเกล้า ครั้งที่ 16
เป็นแปดทศวรรษของการเมืองของอำนาจอย่างที่ผมได้เริ่มต้นไว้ พอพูดถึงเรื่องของอำนาจ
ขอวกเข้าหาพระหาเจ้าเสียหน่อย ท่านเลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า ท่านก็คงจะชอบเรื่องนี้อยู่
พระพุทธเจ้าได้ตรัสเอาไว้กว่า 2500 ปีว่า “วโส อิสริยัง โลเก” แปลว่า อำนาจเป็นใหญ่ในโลก
ท่านตามอีกประโยคว่า “สัพพัง ปะระวะสัง ทุกขัง” แปลว่า การอยู่ใต้อำนาจย่อมเป็นทุกข์ทั้งสิ้น
ไม่ว่าอยู่ใต้อำนาจใครก็เป็นทุกข์ ใต้อำนาจคนก็เป็นทุกข์ เพราะว่าคนเขามาเป็นเจ้าครอบครอง
อยู่ใต้อำนาจรัฐก็เป็นทุกข์เพราะว่ารัฐต้องใช้อำนาจบีบบังคับให้ทำหรือห้ามทำ เราจะทำอย่างไรได้
เมื่อมีชีวิตอยู่ในประเทศ ในชาติ ในรัฐ เราก็ต้องพัวพันกับเรื่องของการเมือง แล้วการเมืองเป็น
เรื่องของอำนาจ สุดท้ายแม้อยู่ภายใต้อำนาจก็เป็นเรื่องของการเป็นทุกข์ตามหลักสัพพัง ปะระวะสัง
ทุกขัง การอยู่ภายใต้อำนาจย่อมเป็นทุกข์ มันก็ต้องทนกับอำนาจ เพราะเราจะหลีกหนีออกไปให้
พ้นจากอำนาจไม่ได้ โดยเฉพาะอำนาจการเมือง แต่สิ่งที่ใครได้สอนได้แนะ พระท่านก็แนะ
นักปราชญ์ ราชบัณฑิต นักวิชาการท่านก็แนะว่า ทำอย่างไรถึงอยู่กับอำนาจให้เป็นสุข ทำอย่างไร
ถึงจะอยู่กับอำนาจให้รู้ทัน ทำอย่างไรถึงจะสามารถหยิบฉวยอำนาจมาใช้ให้เป็นประโยชน์ นั่นก็คือ
การจัดดุลแห่งอำนาจ ที่เรียกกันว่า Balancing Power เพราะว่าถ้าเราไม่หยิบจับ ไม่ทำให้เป็น
ประโยชน์อำนาจก็จะเป็นกับดักที่เราตกลงไปในหล่ม ปีนก็ไม่ขึ้น ดึงก็ไม่ขึ้น ฉุดก็ไม่ขึ้น แต่ถ้าเรา
รู้เท่าทัน จัดดุลแห่งอำนาจให้เป็นและถูกมันก็ได้ประโยชน์ คราวนี้อยู่ที่ว่าจะจัดดุลแห่งอำนาจ
อย่างไร การจัดระเบียบดุลแห่งอำนาจในที่นี้ คือการจัดระบบความสัมพันธ์ระหว่างอำนาจหนึ่ง
กับอีกอำนาจหนึ่ง
ที่เรียนอย่างนี้เพราะว่ามีหลายอำนาจอยู่ในบ้านเมือง ถ้ามันมีอำนาจเดียวเราก็จัดดุลยกให้
มันเป็นใหญ่ แต่มันมีหลายอำนาจ ทางรัฐศาสตร์ พูดถึงอำนาจนิติบัญญัติ อำนาจบริหาร อำนาจ
ตุลาการ ต่อมาจะพูดถึงอำนาจรัฐ อำนาจประชาชนและอำนาจอื่นอีกสารพัด เมื่อมันเป็นอำนาจ
ด้วยกันทั้งนั้น ความจำเป็นที่ต้องจัดระเบียบ ความสัมพันธ์ระหว่างอำนาจหนึ่งกับอีกอำนาจหนึ่งจึง
หลีกไม่พ้น เพราะว่าถ้าจัดไม่เป็น จัดผิด มันเข้าหลักที่ว่า สัพพัง ปะระวะสัง ทุกขัง อยู่ภายใต้
อำนาจย่อมมีความทุกข์หนอ ถ้าเราไปดูประวัติศาสตร์การเมืองการปกครอง ประวัติศาสตร์
รัฐธรรมนูญของนานาประเทศ เราจะเห็นว่าเขาชุลมุนอยู่กับเรื่องการจัดระเบียบดุลแห่งอำนาจ
เพียงแต่ว่า แต่ละประเทศใช้กล้องส่องมองปัญหาแห่งอำนาจไม่เหมือนกัน เราเองต้องระวังเมื่อเรา
จะส่องอำนาจในประเทศของเรา เพราะปัญหาเรื่องปมอำนาจแห่งประเทศเราไม่เหมือนเรื่องของ
อำนาจที่เกิดขึ้นในประเทศอื่น ประเทศที่เป็นรัฐรวม คือประเทศที่ขึ้นต้นด้วยคำว่าสหรัฐ สหภาพ
สหพันธรัฐ สมาพันธรัฐ สหภาพ ประเทศที่เป็นรัฐรวม การเมืองของเขาและรัฐธรรมนูญเขาจะ
ชุลมุนกันอยู่สองดุล คือ ทำอย่างไรจะจัดระเบียบความสัมพันธ์ระหว่างรัฐบาลกลางกับรัฐบาลแห่ง
มลรัฐให้ได้ ที่เราเรียกว่า balancing power between federal government and state
government ถ้าเข้าไปศึกษากฎหมายรัฐธรรมนูญสหรัฐอเมริกา วิธีร่าง วิธีเขียน วิธีแปลความ
เขาไม่มองเหมือนที่เรามองปัญหาของเรา มาศึกษาวิจัยดูงานประเทศเราเขานึกไม่ออกว่าไทย
ชุลมุนถกเถียงเรื่องอย่างนี้ เพราะว่าบ้านเมืองเขาเถียงอีกเรื่องหนึ่ง เขาเถียงไว้เรื่องนี้ควรเป็น
อำนาจของรัฐบาลกลาง หรือควรเป็นอำนาจรัฐบาลมลรัฐ ยิ่งรัฐธรรมนูญสหรัฐอเมริกาเขียนว่า
อะไรที่ไม่ระบุให้เป็นอำนาจรัฐบาลกลาง ถือว่าเป็นอำนาจของมลรัฐอยู่ เพราะเขาต้องการรักษา
ความเป็นรัฐเอาไว้ให้จนได้ เพราะเช่นนั้นในการเมืองรัฐธรรมนูญของประเทศเหล่านั้น เขาจะถกเถียง