Page 151 - kpi17034
P. 151
การสร้างสำนึกพลเมือง
ดังนั้น การแสวงหาฉันทมติให้เกิดขึ้นอย่างแท้จริงจึงต้องเปิดโอกาสให้
ทุกฝ่ายได้พูดคุยกันอย่างทั่วถึงบนพื้นฐานของการทำความเข้าใจซึ่งกันและ
กันบนเหตุผลและข้อมูล ดังนั้น การพูดคุยกันในกระบวนการฉันทมตินี้จึง
มิใช่การ “โต้วาที” เพราะการโต้วาทีเน้นการโต้เถียง เน้นวาทะ อารมณ์
ความรู้สึก มากกว่าเรื่องของเหตุผลข้อมูล
ด้วยเหตุนี้ เพื่อให้เกิดฉันทมติจึงต้องใช้กระบวนการ “สานเสวนา” ที่
เน้นการพูดคุยกันอย่างสุนทรีย์ ตั้งอยู่บนเหตุผลและการยอมรับซึ่งกันและกัน
ไม่เน้นมองที่ความ “แตกต่าง” แต่มุ่งแสวงหาจุดร่วมที่ทุกฝ่ายมี “ร่วม” กัน
ที่สำคัญไม่ได้มีเป้าหมายมุ่งเอาชนะ แต่เน้นการ “ฟัง” กันอย่างตั้งใจ รับฟัง
ข้อมูลด้วยใจเปิดกว้างและตัดสินใจเลือกบนฐานข้อมูลด้วยใจเป็นกลาง
การสำรวจความคิดเห็นของกลุ่มว่ามีทิศทางแนวทางไปทางไหนเป็น
ส่วนใหญ่อาจใช้ สติกเกอร์ 3 สี หรือ บางท่านอาจใช้เพียงสีเดียวแต่หลาย
ดวงโดยแต่ละคนสามารถติดสติกเกอร์ได้ไม่จำกัดจำนวนในข้อที่ต้องการ
โดยระบุความหมายให้กับสติกเกอร์เช่น สีแดง หมายถึง ปัญหาที่ไม่สำคัญ
หรือเป็นปัญหาที่แก้ยากยังไม่สามารถแก้ไขได้ในเวลานี้ สีเหลือง หมายถึง
ปัญหาสำคัญรองลงมา สีเขียว หมายถึง ปัญหาที่มีสำคัญมากที่สุดและ
มีความเป็นไปได้ในการแก้ไข เป็นต้น สำหรับการติดสติกเกอร์ อาจใช้การ
หันหลังติดได้เพื่อป้องกันการชี้นำผู้อื่น สิ่งสำคัญคือ เมื่อติดสติกเกอร์แล้ว
คุณครูหรือผู้นำกระบวนการต้องเปิดโอกาสให้นักเรียนหรือชุมชนได้แสดง
ความคิดเห็นต่อปัญหาต่างๆ อย่างทั่วถึงอีกครั้ง ผลที่ได้จากการติดสติกเกอร์
ไม่ใช่ผลลัพธ์สุดท้ายที่จะตัดสินใจ แต่เป็นเพียงการดึงให้คนที่ไม่ได้พูดเข้ามา
มีส่วนร่วมและการตัดสินใจต้องเกิดจากการพูดคุยกันกระทั่งทุกฝ่ายยอมรับได้
โดยสรุป “ฉันทมติ” คือ ข้อสรุปหรือผลของการตัดสินใจของกลุ่มที่
ผ่านการพูดคุย ปรึกษาหารือด้วยเหตุผล กระทั่งคนส่วนใหญ่ยอมรับเหตุผล
นั้นๆ และคนส่วนน้อยก็พึงพอใจ (consensus) ร่วมกัน
1