Page 101 - kpi16607
P. 101
ดุลอำนาจ ในการเมืองการปกครองไทย
ผลักดันระบอบเศรษฐกิจเสรี ซึ่งจะเอื้อต่อผลประโยชน์มากกว่าการคงอยู่ของ
รัฐทหาร และในบางกรณี ประชาธิปไตยยังถูกมองว่าเป็นเครื่องมือสำคัญ
ในการต่อสู้กับการขยายตัวของลัทธิความเชื่อแบบสุดโต่ง โดยเฉพาะต่อสู้กับการ
ก่อการร้าย เช่นในภูมิภาคตะวันออกกลาง ดังนั้น จึงอาจกล่าวได้ว่า ระบอบทหาร
43
กลายเป็นดัง “สินค้าตกยุค” สำหรับรัฐมหาอำนาจในโลกปัจจุบัน และในอีก
ด้านหนึ่ง รัฐประหารก็ถูกต่อต้านจากบรรดารัฐเหล่านี้และกลายเป็นแรงกดดันกับ
รัฐบาลไทยอย่างมากด้วย
สมมติฐานที่ 3 รัฐประหารนำมาซึ่งเสถียรภาพทางการเมือง
ในท่ามกลางการขยายตัวของลัทธิสังคมนิยม และการลุกขึ้นของชนชั้นล่าง
ในโลกที่สาม มักจะนำมาซึ่งปัญหาเสถียรภาพทางการเมือง ในสถานการณ์เช่นนี้
รัฐบาลพลเรือนที่มาจากการเลือกตั้งมักจะถูกมองว่าอ่อนแอและไม่สามารถรับมือ
กับความท้าทายเช่นนี้ได้ จนอาจทำให้เกิดข้อสรุปแก่ผู้ที่นิยมระบอบอำนาจนิยมว่า
รัฐบาลพลเรือนอ่อนแอเกินกว่าที่จะรับมือกับปัญหาการสร้างเสถียรภาพของ 3
ประเทศ ข้อสรุปเช่นนี้นำไปสู่คำตอบที่ชัดเจนของยุคสงครามเย็นว่า รัฐประหาร
ที่นำไปสู่การจัดตั้งรัฐบาลทหารจะเป็นกลไกสำคัญของการสร้างเสถียรภาพ
ทางการเมืองและเศรษฐกิจของประเทศ และขณะเดียวกันรัฐบาลทหารจะทำ
หน้าที่เป็นผู้ค้ำประกันกับเสถียรภาพนั้นด้วยการใช้ “อำนาจในการควบคุม” การ
เคลื่อนไหวภายในสังคม ตลอดรวมถึงการปราบปรามที่เกิดขึ้น ด้วยการใช้กำลัง
ทหารเป็นเครื่องมือ
43 กระบวนการส่งเสริมบทบาทของกองทัพให้เป็นประชาธิปไตยในเวทีโลก ดู Dennis Blair,
Military Engagement: Influencing Armed Forces Worldwide to Support
Democratic
Transitions (Washington, D.C.: Brooking Institution, 2013) ; Larry
Diamond, The Spirit of Democracy: The Struggle to Build Free Societies
Throughout the World (New York: Holt Paperbacks, 2008) ; Larry Diamond and
Marc F. Plattner (eds.), The
Global
Resurgence
of
Democracy (Baltimore: The
Johns Hopkins University Press, 1993).
สถาบันพระปกเกล้า