Page 18 - kpi10607
P. 18
ฝ่าวิกฤต สร้างโอกาส บทบาทท้องถิ่นไทย
1
การจัดลำดับความสูงต่ำทางสังคมและทางทหารทำให้เกิดสิทธิต่างๆ ขึ้น การจัดลำดับความสูงต่ำไม่
เพียงแต่เกิดขึ้นในบรรดาเจ้าผู้ครองเท่านั้น สังคมยังถูกแบ่งตามความสูงต่ำของกลุ่มอาชีพ ดังนั้น ชนชั้นทาง
สังคมจึงมี 4 ชนชั้นด้วยกัน คือ ชนชั้นซามูไรหรือนักปกครอง ชนชั้นชาวนา ชนชั้นช่างฝีมือ และชนชั้นพ่อค้า สถาบันพระปกเกล้า
รูปแบบของระบบศักดินาที่อิเอะยะสุและโชกุนโทะกุงะวะใช้ในระยะต่อมาสามารถอยู่ได้นานจนถึง
กลางศตวรรษที่ 19 ผลของการปกครองของโทะกุงะวะ คือญี่ปุ่นถูกบังคับให้อยู่โดดเดี่ยวจากโลกตะวันตก
โชกุนโทะกุงะวะมองว่าศาสนาคริสต์เป็นภัยต่อญี่ปุ่น ผู้นับถือศาสนาคริสต์จึงถูกกีดกัน เนื่องจากในช่วงนั้น
พ่อค้าโปรตุเกส สเปน และชาวฮอลันดาเข้าไปในญี่ปุ่นได้ โชกุนโทะกุงะวะจึงสั่งห้ามชาวสเปนเข้ามาในประเทศ
ญี่ปุ่น ส่วนพ่อค้าชาวฮอลันดาถูกจำกัดพื้นที่ให้อยู่เฉพาะเกาะเดจิมา ในอ่าวเมืองนะงะสะกิ คนญี่ปุ่นถูกห้าม
ไม่ให้ออกนอกประเทศ คนญี่ปุ่นที่ออกนอกประเทศไปก็จะถูกห้ามไม่ให้เข้ามาในประเทศอีก เพราะกลัวจะนำ
ความคิดที่ล้มล้างระบบการปกครองกลับมา
นโยบายที่สำคัญที่สุดในยุคเอโดะ คือการปิดประเทศญี่ปุ่น นโยบายปิดประเทศทำให้เศรษฐกิจและ
สังคมญี่ปุ่นล้าหลัง แต่ในมุมกลับการปิดประเทศมีผลทางบวกต่อสังคมญี่ปุ่นอยู่ ได้แก่
1. ทำให้ญี่ปุ่นรักษาเอกราชของประเทศไว้ได้ ในช่วงหลังคริสต์ศักราชที่ 16 เป็นต้นมา ประเทศ
ต่าง ๆ ในเอเชียตกเป็นเมืองขึ้นของชาวตะวันตก การปิดประเทศจึงเป็นนโยบายที่ได้ผลในการรักษาเอกราช
ของประเทศ
2. การปิดประเทศ ทำให้ญี่ปุ่นมีเอกราชทางวัฒนธรรม ทั้งในแง่ความคิดระบบการเมืองวิธีการ
ทำงานและแบบแผนการใช้ชีวิตของคนส่วนมากของประเทศ การหล่อหลอมในระบบปิดอย่างเหนียวแน่น
ได้ปลูกฝังทัศนคติที่แน่นอนตายตัว จนกลายเป็นลักษณะประจำชาติ เช่น ความขยันขันแข็ง ความมีระเบียบ
วินัย การเอาจริงเอาจัง การอ่อนน้อมถ่อมตน ความรู้สึกเป็นคนชาติเดียวกัน และการทำงานเป็นทีม
3. การสะสมประสบการณ์ ลักษณะพิเศษของสังคมญี่ปุ่นประการหนึ่งคือการสืบตระกูล
โดยลูกชายคนโต โดยที่ลูกชายคนโตต้องรับช่วงอาชีพของตระกูลของตน ด้วยเหตุนี้การผลิตหรือการค้าของ
บางครอบครัวจึงสืบช่วงกันมานับสิบชั่วคน การสืบช่วงงานนั้นสามารถสะสมประสบการณ์ในสาขาของตนไว้
อย่างละเอียด
ด้วยผลทางบวกดังกล่าว ทำให้ยุคเอโดะจึงเป็นเสมือนยุคเตรียมการสะสมประสบการณ์ของบุคคล
ในสาขาต่าง ๆ ไว้รับมือกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในยุคเมจิ
1.2 การเปลี่ยนแปลงเมจิ : ปฏิวัติสังคม
การปฏิรูปเมจิในปี ค.ศ. 1868 ญี่ปุ่นเริ่มนำพาประเทศไปสู่ความทันสมัยทั้งในสถานภาพทาง
เศรษฐกิจ การเมือง และสังคม ยุคนี้เป็นยุคที่ญี่ปุ่นเข้าสู่ยุคสมัยใหม่ ซึ่งผู้นำของประเทศสนใจกับการเปลี่ยน
ภายในประเทศและการวางพื้นฐานความทันสมัย กล่าวคือเริ่มมีอำนาจทางเศรษฐกิจและการเมือง
เน้นอุตสาหกรรมหนัก วางระบบการศึกษาของชาติตามแนวปรัชญาตะวันตก
ญี่ปุ่นต้องการสร้างประเทศให้มีความเจริญก้าวหน้าและมีอำนาจทัดเทียมประเทศตะวันตก ญี่ปุ่นได้
สร้างคำขวัญว่า “ทำประเทศให้ร่ำรวย สร้างกองทัพให้แข็งแกร่ง”