Page 9 - kpiebook67020
P. 9

8  การศึกษาการป้องกันวิกฤตสังคมในอนาคต




               ผลการวิเคราะห์สรุปของกรณีความอยุติธรรมทางการเมืองจากการด�าเนินคดี

        กับผู้ชุมนุมม็อบการเมืองในฐานะวิกฤตทางสังคม พบว่า การที่ผู้มีอ�านาจใช้กฎหมาย
        และกระบวนการยุติธรรมเป็นเครื่องมือหยุดยั้งความเคลื่อนไหวของผู้ชุมนุม ก�าจัด
        ผู้มีความคิดเห็นต่างทางการเมือง สร้างบรรยากาศแห่งความกลัว ท�าให้กระบวนการ

        ปกติกลายเป็นเรื่องไม่ปกติ ซึ่งตัวเร่งปฏิกิริยาของวิกฤตสังคมในกรณีนี้ คือ ค�าวินิจฉัย

        ศาลรัฐธรรมนูญ ในวันที่ 10 พฤศจิกายน 2564 ที่วินิจฉัยว่า การชุมนุมและปราศรัย
        ของผู้ชุมนุมที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต เมื่อปี 2563 เป็นการใช้สิทธิ
        หรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์

        ทรงเป็นประมุขตามรัฐธรรมนูญ อาจจะกลายเป็น “เส้นตัด” ส�าคัญที่ท�าให้เกิด

        ความขัดแย้งและความแตกแยกในสังคมมากขึ้น ส�าหรับข้อเสนอแนะคือ ฝ่ายผู้มีอ�านาจ
        ต้องยุติการใช้กฎหมายและกระบวนการยุติธรรมเพื่อก�าจัดผู้มีความเห็นต่างทางการเมือง
        และเปิดเวทีพูดคุยหาทางออกอย่างสร้างสรรค์ เช่น การใช้กลไกรัฐสภาเป็นเวทีหาทางออก

        ในการพูดคุยอย่างแท้จริง โดยยึดโยงผลประโยชน์ของประชาชนเป็นที่ตั้ง


               ผลจากการศึกษาเพื่อด�าเนินการปฏิรูประบบสอบสวนคดีอาญาของประเทศไทย
        โดยมีข้อเสนอการปฏิรูปในเชิงโครงสร้างระบบสอบสวนคดีอาญา และปฏิรูปการบริหารงาน

        ภายในองค์กรต�ารวจหรือการบริหารงานสอบสวนคดีอาญาเพื่อลดช่องว่างในการเลือก
        ปฏิบัติต่อผู้ต้องหาในคดีอาญา มีข้อเสนอแนะใน 3 ทางเลือก คือ ทางเลือกที่ 1

        ปฏิรูปต�ารวจและงานสอบสวนคดีอาญา โดยให้อัยการมีอ�านาจเข้าไปตรวจสอบ
        การสอบสวนข้อเท็จจริงในชั้นสอบสวน ใน 3 กรณี คือ (1) คดีที่มีโทษอาญาตั้งแต่

        5 ปีขึ้นไป (2) คดีที่มีผู้เสียชีวิต (3) คดีที่มีการร้องเรียน ทางเลือกที่ 2 ปฏิรูปโครงสร้าง
        และงานสอบสวนทั้งระบบ โดยจัดตั้งองค์กรใหม่แยกออกจากส�านักงานต�ารวจแห่งชาติ

        (สตช.) เพื่อรับผิดชอบงานสอบสวนคดีอาญาเป็นการเฉพาะ และทางเลือกที่ 3 ปฏิรูปงาน
        สอบสวน โดยปรับโครงสร้างการบริหารงานภายในองค์กรต�ารวจ ควบคู่ไปกับการบูรณาการ
   4   5   6   7   8   9   10   11   12   13   14