Page 5 - kpiebook67014
P. 5
ด้วยเหตุนี้ เพื่อเป็นการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันทางสังคม เราจึงจ าเป็นต้องใช้วัคซีนทางสังคม (social
vaccine) ในทางสาธารณสุข วัคซีนทางสังคมคือ การมุ่งส่งเสริมสุขภาพของประชาชนและนโยบายด้านสาธารณสุข
ที่ค านึงถึงมิติทางสังคมร่วมด้วย โดยให้ความส าคัญกับความไม่เท่าเทียมกันในสังคมและปัจจัยสังคมก าหนดสุขภาพ
(social determinants of health) ซึ่งเป็นสภาพแวดล้อมของบุคคลที่เชื่อมโยงกับเงื่อนไขในการด ารงชีวิต
ประจ าวัน เช่น นโยบายและระบบเศรษฐกิจ วาระการพัฒนา บรรทัดฐานทางสังคม นโยบายสังคมและระบบ
การเมือง (World Health Organization, 2022) แม้ว่าการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันทางสังคมจะไม่สามารถจ าเพาะ
เจาะจงไปที่โรคใดโรคหนึ่งหรือปัญหาใดปัญหาหนึ่งได้ แต่ก็สามารถใช้เป็นแนวทางหรือมาตรการในการจัดการกับ
สถานการณ์ทางสาธารณสุขได้ ซึ่งมีจุดมุ่งหมายเพื่อส่งเสริมความเสมอภาคและความเป็นธรรมในสังคม (Thomas
IN, 2006) ในท านองเดียวกัน ในแง่มุมด้านสังคมศาสตร์ การใช้วัคซีนทางสังคมก็คือการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันทาง
สังคมเป็นการเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับสังคม ผ่านการด าเนินนโยบายและมาตรการต่าง ๆ ที่ค านึงบริบท
แวดล้อมของสังคมนั้น มุ่งเน้นให้เกิดความเป็นธรรมและลดความเหลื่อมล้ าในสังคม โดยเชื่อว่าเมื่อสังคมมีภูมิคุ้มกัน
ก็จะไม่เป็น “โรค” หรือท าให้สังคมมีความสงบสุขได้ นั่นคือ การแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ในสังคมด้วยการเสริมสร้าง
ความเข้มแข็งและความเป็นปึกแผ่นให้กับครอบครัวและชุมชน ทั้งที่กระท าด้วยตนเองและผลักดันเป็นนโยบายและ
ทิศทางการพัฒนาประเทศ (ประเวศ วะสี, 2542) แนวคิดภูมิคุ้มกันทางสังคมจึงสอดคล้องกับการเสริมสร้างความ
มั่นคงทางสังคมที่มุ่งหวังให้การด าเนินชีวิตของคนในสังคมได้รับการปกป้องและลดความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้น
การใช้วัคซีนทางสังคมเพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้มกันทางสังคมตามแนวทางของโครงการวิจัยนี้คือ การใช้ทุนทาง
วัฒนธรรมในการพัฒนาพื้นที่ผ่านกระบวนการของการวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วม เนื่องจากการใช้ทุนทาง
วัฒนธรรมเพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้มกันทางสังคม จะเป็นการน าองค์ความรู้ในมิติทางวัฒนธรรม ไม่ว่าจะเป็นศาสนา
ศิลปะ วัฒนธรรม ขนบธรรมเนียมประเพณี และภูมิปัญญา มาใช้เป็นปัจจัยส่งเสริมที่ท าให้สังคมเกิดความเข้มแข็ง
และน าไปสู่สังคมที่อยู่เย็นเป็นสุขได้ (กระทรวงวัฒนธรรม, 2557) ด้วยการที่ทุนทางวัฒนธรรม (cultural capital)
เป็นผลผลิตทางวัฒนธรรม ซึ่งมีทั้งที่เป็นทุนทางวัฒนธรรมที่จับต้องได้ เช่น โบราณสถาน มรดกทางวัฒนธรรม
ผลงานศิลปะ ภาพวาด หัตถกรรม ดนตรี ภาพยนตร์ วรรณกรรม และทุนทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ ได้แก่ ความ
เชื่อ จารีต ประเพณี วิถีชีวิต โดย Pierre Bourdieu มีทัศนะว่า ทุนวัฒนธรรมจะปรากฏให้เห็น 3 รูปแบบ ได้แก่
เป็นสิ่งที่ฝังอยู่ในตัวคนหรือกลุ่มคน เช่น ความคิด จินตนาการ ความคิดริเริ่ม ความเชื่อ อีกทั้งเป็นสิ่งที่เป็น
รูปลักษณ์และเป็นตัวตน เช่น ภาพวาด เครื่องมือ อุปกรณ์ สิ่งก่อสร้าง สถานที่ที่เป็นมรดกโลก และมีความเป็น
สถาบัน เช่น กติกา การยอมรับที่หลายคนเห็นร่วมกัน เช่น ประเพณีหรือกิจกรรมร่วมกันของสังคม เป็นต้น
รังสรรค์ ธนะพรพันธ์ (2546) กล่าวไว้อย่างสอดคล้องกัน เมื่อเชื่อมโยงเข้ากับสภาพสังคมปัจจุบัน ทุนวัฒนธรรมจึง
สามารถใช้เป็นทุนที่ใช้ในการผลิตสินค้าและบริการที่มีนัยทางวัฒนธรรมฝังตัวอยู่ ที่น าไปสู่การพัฒนาและบริหาร
จัดการพื้นที่ได้อย่างเป็นรูปธรรม
งานวิจัยของ Younes Ezati และคณะ (2020) ได้ท าการศึกษาบทบาทของทุนทางวัฒนธรรมที่มีผลต่อ
ความมั่นคงทางสังคม โดยมีกรณีศึกษาคือ จังหวัดอีแลม (Ilam Province) ประเทศอิหร่าน กลุ่มตัวอย่างคือ
ประชาชนที่มีอาศัยอยู่ในจังหวัดอีแลม อายุระหว่าง 18-60 ปี ซึ่งผลการศึกษาชี้ให้เห็นว่า ตัวแปรในสังคม ได้แก่
ทุนทางวัฒนธรรม สวัสดิการสังคม ความเชื่อ ความสัมพันธ์ของครอบครัว มีความเกี่ยวพันเชื่อมโยงกับความมั่นคง
ทางสังคมโดยตรง ขณะเดียวกันงานวิจัยในประเทศไทยที่ศึกษาเกี่ยวกับทุนทางวัฒนธรรม ส่วนใหญ่เป็นการน าทุน
ทางวัฒนธรรมไปใช้เสริมสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจในพื้นที่ เช่น งานของอัษฎาวุฒิ ศรีทน และอุมารินทร์ ตุลารักษ์
(2564) เรื่อง ทุนทางวัฒนธรรมในมิติการท่องเที่ยวชุมชนที่อธิบายผ่านเรื่องเล่า ต านาน ประวัติศาสตร์ท้องถิ่น ใน
วิถีชีวิตชุมชน รวมถึงงานของวันโชค หุ่นผดุงรัตน์ (2564) เรื่อง การศึกษาทุนทางวัฒนธรรม และการมีส่วนร่วมของ
ชุมชน ต่อการจัดการท่องเที่ยว เชิงวัฒนธรรมหย่อมบ้านวังไผ่ ต าบลท่าตอน อ าเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่ง
- 2 -