Page 75 - kpiebook66025
P. 75
75
45
ของผู้น�าและสมาชิกรัฐสภา กล่าวโดยสรุป พรรคการเมืองที่ก่อตั้งขึ้นมาในยุคชาตินิยม
และยุคประชาธิปไตยแบบชี้น�า คือ ตั้งตามอุดมการณ์ที่แตกต่างกัน เป็นกลุ่มตัวแทน
ผลประโยชน์แต่ละกลุ่มอุดมการณ์ และสมาชิกในพรรคยังมีการจัดกลุ่มการเมือง
ในรัฐสภาเพื่อท�างานส่งเสริมสนับสนุนควบคู่กันไปด้วย
ตามหลักแล้วนั้นรัฐสภามีหน้าที่ในการควบคุม ตราการตรากฎหมาย ควบคุม
การปฏิบัติงานของฝ่ายบริหาร ซึ่งมีหน้าที่หลักส�าคัญ คือ การไต่ถาม การตีความ
การอภิปรายถึงนโยบายของรัฐบาลและเรื่องสาธารณะประโยชน์ต่าง ๆ โดยการรวมกลุ่ม
ภายในรัฐสภามีขึ้นเพื่อควบคุมและตรวจสอบการท�างานของฝ่ายรัฐบาล กระทรวง
ทบวง กรมต่าง ๆ รวมไปถึงการควบคุมการปฏิบัติหน้าที่ของแต่ละหน่วยของฝ่ายบริหาร
โดยเลือกจากความสนใจของแต่ละบุคคลจนน�าไปสู่การรวมกลุ่มเดียวกัน แต่ละกลุ่ม
จะมีการรวบรวมข้อมูลและมีการอภิปรายถึงปัญหาและน�าเสนอต่อรัฐสภา (working
meeting) แต่ด้วยสถานการณ์ทางการเมืองในยุคเริ่มต้นของอินโดนีเซียที่มีความลุ่ม ๆ
ดอน ๆ ส่งผลให้การพัฒนาประชาธิปไตยของอินโดนีเซียต้องชะงักงันและประเทศ
อินโดนีเซียตกอยู่ภายใต้การปกครองแบบอ�านาจนิยมเป็นระยะเวลานานกว่า 32 ปี
ยุคระเบียบใหม่เริ่มต้นในปี 1966 นายพลสุฮาร์โตท�าการยึดอ�านาจ
พร้อมสถาปนายุคระเบียบใหม่ รวมทั้งจัดให้มีการเลือกตั้งครั้งแรกในปี 1971 มีเพียง
10 พรรคเข้าร่วม คือ พรรคกอลคาร์ (Golkar) ที่รวมสมาชิกจากกองทัพและต�ารวจ,
พรรคสหพัฒนาการ (PPP) เน้นแนวคิดแบบอิสลาม และพรรคประชาธิปไตยอินโดนีเซีย
(PDI) โดยมีสมาชิกส่วนใหญ่เป็นคริสเตียน กลุ่มการเมืองที่มีบทบาทคือ กลุ่มกอล็องงัน
คาร์ยา (Golongan Karya) หรือ สมาชิกจากพรรคกอลคาร์ (Golkar) เป็นกลุ่มที่รวบรวม
สมาชิกจากหลากหลายอาชีพ เช่น ทหาร ต�ารวจ ข้าราชการ แรงงาน ศิลปิน เป็นต้น
ต่อมากลุ่มกอลคาร์ได้เปลี่ยนสถานะจากองค์กรเอกชนมาสู่การเป็นพรรคการเมือง
จากระบบหลายพรรคการเมืองในยุคก่อนหน้านี้ รัฐบาลในยุคระเบียบใหม่ได้ออกกฎหมาย
ควบคุมพรรคการเมือง จนส่งผลท�าให้เหลือเพียง 2 พรรคการเมืองเท่านั้นที่มีบทบาท
ในยุคระเบียบใหม่ สถานะของกลุ่มทางการเมืองในรัฐสภาก็แทบไม่มีบทบาท
45 Miriam S. Budiadjo, “The Eastern Surver : American institute of Pacific relations,”
The Provisional Parliament of Indonesia February Vol. xxv no.2. (1956), pp. 17 - 23.