Page 26 - kpiebook66025
P. 26
26 การรวมกลุ่มในรัฐสภาเพื่อกิจกรรมทางการเมืองของรัฐสภาอินโดนิเซีย
อย่างเข้มงวด ซึ่งกองทัพเป็นองค์กรเดียวที่เป็นตัวแทนและมีบทบาททางการเมือง
ดังนั้นจึงน�าไปสู่การจัดตั้งพรรคการเมืองของทหารขึ้นมาคือ พรรคกอลคาร์ (Golkar)
เพื่อให้พรรคการเมืองของทหารมีอ�านาจทางการเมืองได้รับการยอมรับตามแนวทาง
รัฐธรรมนูญแบบประชาธิปไตย ยิ่งกว่านั้นได้มีการเร่งรัดให้มีการประกาศใช้กฎหมาย
การเลือกตั้งและจัดการเลือกตั้งขึ้นภายใน 1 ปีหลังการยึดอ�านาจจากรัฐบาลของ
ประธานาธิบดีสุการ์โน โดยได้เสนอร่างกฎหมายการเลือกตั้งต่อรัฐสภา และกฎหมาย
อื่นที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งเพื่อการพิจารณา ไม่ว่าจะเป็นร่างกฎหมายการเลือกตั้ง
สภาที่ปรึกษาประชาชน และกฎหมายการเลือกตั้งรัฐสภาท้องถิ่น (Dewan Perwakilan
Rakyat Daerah : DPRD) กฎหมายดังกล่าวมีขึ้นเพื่อจ�ากัดจ�านวนพรรคการเมืองและ
จัดระเบียบพรรคการเมืองให้อยู่ในแนวทางเดียวกัน เพื่อง่ายต่อการควบคุมของรัฐบาล
ทหารในขณะนั้น 4
ยุคระเบียบใหม่ยาวนานกว่า 32 ปี เป็นยุคเผด็จการทหารของอินโดนีเซีย
แต่อย่างไรก็ตามอินโดนีเซียในยุคนี้ก็มีความเจริญก้าวหน้าทางเศรษฐกิจอย่างมาก
ชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนมีคุณภาพสูงขึ้น แม้ว่าจะถูกปกครองด้วยทหาร
แต่ยังคงมีการเลือกตั้งตลอดกว่า 3 ทศวรรษ โดยใช้รัฐสภาเป็นเครื่องมือในสร้าง
ความชอบธรรมในการสร้างอ�านาจให้แก่รัฐบาลของสุฮาร์โต เนื่องจากรัฐธรรมนูญ
ได้ก�าหนดให้สภาที่ปรึกษาประชาชนเป็นผู้เลือกประธานาธิบดี ใช้กลไกอ�านาจ
ในการแต่งตั้งสมาชิกสภาที่ปรึกษาประชาชนทั้งหมด 1,000 คน โดย 500 คน
มาจากการแต่งตั้งของรัฐบาลในฐานะตัวแทนจากจังหวัดต่าง ๆ ส่วนสภาผู้แทนราษฎร
ซึ่งเป็นสภาย่อยของสภาที่ปรึกษาประชาชนมีสมาชิกจ�านวน 500 คน ถูกจัดสรรที่นั่ง
ให้กองทัพ 100 คน โดยไม่ต้องผ่านการเลือกตั้ง และมี 400 คน มาจากการเลือกตั้ง
เหล่านี้จึงเป็นเหตุผลที่ท�าให้สุฮาร์โตได้รับเลือกตั้งจากสภาที่ปรึกษาประชาชนกว่า
5
7 ครั้งตลอดระยะเวลา 32 ปี กล่าวได้ว่าประธานาธิบดีสุฮาร์โตเป็นผู้น�าที่อยู่ในอ�านาจ
4 พรรณชฎา ศิริวรรณบุศย์, อินโดนีเซีย : พรรคการเมืองและการเลือกตั้งจากอดีตสู่ปัจจุบัน
(กรุงเทพ ฯ : พี เอส พริ้นติ้ง แอนด์ ดีไซน์, 2563), น. 60 - 62.
5 สิริพรรณ นกสวน สวัสดี, การเปลี่ยนผ่านไปสู่ประชาธิปไตยเปรียบเทียบ (กรุงเทพ ฯ : สถาบัน
พระปกเกล้า, 2561), น.77 - 78.