Page 359 - kpiebook65072
P. 359
358 บทบัญญัติทางกฎหมาย เพื่อการป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำาให้บุคคลสูญหาย
ได้ในลักษณะเดียวกันกับความผิดฐานหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังและความผิด
ฐานเรียกค่าไถ่ตามประมวลกฎหมายอาญา
4. ความผิดฐานหน่วงเหนี่ยวหรือกักขัง มีระวางโทษที่ค่อนข้างตำ่า
กล่าวคือ มีเพียงจำาคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำา
ทั้งปรับ ซึ่งอาจมีลักษณะที่ไม่ได้สัดส่วนกับความร้ายแรงของการกระทำาผิด
และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อเทียบเคียงกับระวางโทษที่ร่างพระราชบัญญัติฯ
ทุกร่างได้กำาหนดไว้ที่ จำาคุก 5-15 ปี และปรับ 100,000-300,000 บาท
จะเห็นได้ว่ามีอัตราที่แตกต่างกันอย่างมาก
5. ความผิดฐานเรียกค่าไถ่ แม้จะมีระวางโทษที่ค่อนข้างสูงและ
อาจกล่าวได้ว่ามีความได้สัดส่วนกับความร้ายแรงของการกระทำาผิด กล่าวคือ
จำาคุกตั้งแต่ 15-20 ปี และปรับตั้งแต่ 300,000-400,000 บาท หรือจำาคุก
ตลอดชีวิต หรือประหารชีวิต แต่จะต้องปรากฏเจตนาพิเศษ คือ “เพื่อให้ได้มา
ซึ่งค่าไถ่” ด้วย ซึ่งอาจเป็นอุปสรรคต่อการพิสูจน์ในการดำาเนินคดีจริง และ
ไม่จำาเป็นที่ผู้กระทำาให้บุคคลสูญหายจะมีเจตนาเพื่อให้ได้มาซึ่งค่าไถ่ในทุกกรณี
6. ความผิดฐานหน่วงเหนี่ยวหรือกักขัง เฉพาะวรรคแรก (กรณีไม่มี
เหตุฉกรรจ์ที่ทำาให้บุคคลถึงแก่ความตายหรือได้รับอันตรายสาหัส) เป็นความผิด
ที่ยอมความได้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 321 ในขณะที่ความผิดฐาน
การกระทำาให้บุคคลสูญหายไม่มีการระบุในลักษณะดังกล่าว ดังนั้น หากปรับใช้
ความผิดฐานหน่วงเหนี่ยวหรือกักขัง อาจทำาให้ผู้เสียหายถูกกดดันให้ยอมความ
ก็ได้
ด้วยเหตุนี้ จึงต้องมีการบัญญัติฐานความผิด “การกระทำาให้บุคคล
สูญหาย” ขึ้นมาใหม่ ตามแนวทางของอนุสัญญา CED โดยร่างพระราชบัญญัติฯ
แต่ละฉบับมีแนวทางการกำาหนด ดังนี้
inside_ .indd 358 14/9/2565 11:15:10