Page 358 - kpiebook65072
P. 358
357
เมื่อพิจารณาจากฐานความผิดข้างต้นแล้ว จะเห็นได้ว่ามีลักษณะที่
ไม่สอดคล้องกับความผิดฐาน “การกระทำาให้บุคคลสูญหาย” ตามที่อนุสัญญา
CED กำาหนดอยู่บางประการ ดังนี้
1. ความผิดฐานหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังและความผิดฐานเรียกค่าไถ่
ตามประมวลกฎหมายอาญา แม้จะมีลักษณะเป็นการจำากัดเสรีภาพของ
บุคคลเช่นเดียวกับความผิดฐานการกระทำาให้บุคคลสูญหาย แต่ไม่ปรากฏว่า
มีองค์ประกอบเกี่ยวกับการปฏิเสธที่จะยอมรับว่าได้มีการจำากัดเสรีภาพหรือ
การปกปิดชะตากรรมของบุคคลที่ถูกกระทำาให้สูญหาย ซึ่งเป็นองค์ประกอบ
สำาคัญของความผิดฐานการกระทำาให้บุคคลสูญหายภายใต้อนุสัญญา CED
2. ฐานความผิดข้างต้น ผู้กระทำาความผิดสามารถเป็นบุคคลใดก็ได้
แต่ความผิดฐานการกระทำาให้บุคคลสูญหาย จะต้องเป็นการกระทำาโดยเจ้าหน้าที่
ของรัฐ หรือบุคคลซึ่งกระทำาการโดยได้รับอนุญาต สนับสนุน หรือรู้เห็นเป็นใจ
ของรัฐ เนื่องจากเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือบุคคลเช่นว่ามีอำานาจและความสามารถ
ในการดำาเนินการในลักษณะที่จำากัดเสรีภาพของบุคคลได้สะดวกกว่าบุคคลธรรมดา
3. ฐานความผิดข้างต้น เป็นความผิดอาญาที่ผู้ถูกกระทำาเท่านั้น
สามารถเป็นผู้เสียหาย ในขณะที่ความผิดฐานการกระทำาให้บุคคลสูญหาย
ผู้เสียหายสามารถเป็นได้ทั้งบุคคลที่ถูกกระทำาให้สูญหายเองและบุคคลที่ได้รับ
ความทุกข์ทรมานจากการกระทำาให้บุคคลสูญหาย เช่น ครอบครัวหรือญาติของ
บุคคลนั้น ดังจะเห็นได้จากการที่ร่างพระราชบัญญัติฯ ได้ระบุอย่างชัดเจนว่า
คดีความผิดฐานการกระทำาให้บุคคลสูญหาย ให้สามี ภริยา ผู้บุพการี และ
ผู้สืบสันดานของผู้ได้รับความเสียหาย (บุคคลผู้ถูกกระทำาให้สูญหาย)
เป็นผู้เสียหายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาด้วย ดังนั้น จึงสรุปได้ว่า
ครอบครัวหรือญาติของบุคคลผู้ถูกกระทำาให้สูญหายสามารถเป็นโจทก์ฟ้องคดี
อาญาในความผิดฐานกระทำาให้บุคคลสูญหายได้ ในขณะที่ไม่สามารถดำาเนินการ
inside_ .indd 357 14/9/2565 11:15:10